"พี่รู้จักวงแหวนโมเบียสไหม"
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
"ฮื่อ" ผมพยักหน้า
"ความสัมพันธ์ของเราเหมือนวงแหวนโมเบียสเลยนะ"
ประโยคนี้ก้องกังวานในความรู้สึก ยาวนานกว่านิจนิรันดร์ ถาโถมเข้ามาในใจยิ่งกว่าคลื่นยักษ์แห่งห้วงมหาสมุทร
ผมเงยหน้าขึ้น เหลียวมองซ้ายขวา
แต่เธอหายไปแล้ว
......
อันที่จริงควรใช้คำว่า แถบโมเบียส (Mobius strip) แต่ผมชอบคำว่าวงแหวนโมเบียสมากกว่า เพราะมันสื่อถึงลักษณะสำคัญบางประการเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์
ยากที่ผมจะจำกัดความ หรืออธิบายให้เห็นภาพชัดเจน ขอให้นึกภาพตามวิธีทำจะง่ายกว่า คือตัดกระดาษมาหนึ่งแถบ บิดกระดาษครึ่งรอบ เอาปลายกระดาษมาเชื่อมกันเป็นวงแหวน
นั่นคือวงแหวนโมเบียส วงแหวนที่ถูกบิดครึ่งรอบ
เช่นเดียวกับมิติความสัมพันธ์ที่ถูกบิดเบือนไปจนไม่ชัดเจน แต่ไม่ถึงกับบิดเบี้ยวเสียรูปทรงทั้งหมด
.......
วงแหวนโมเบียส คือวงแหวนลวงตาต้องคำสาป
มองผิวเผิน จะลากเส้นให้บรรจบกัน คงทำได้ไม่ยากเลย
เริ่มลากเส้นจากจุดหนึ่ง เมื่อครบรอบ เส้นที่ลากไว้จะไม่เชื่อมต่อกัน หากไม่ลากซ้ำรอยเดิม เส้นที่ลากไว้นั้นจะไม่มีวันบรรจบตลอดกาล และต้องลากเส้นต่อไปนิรันดร์
ความสัมพันธ์แบบวงแหวนโมเบียส คือความสัมพันธ์ลวงตาต้องคำสาป
มองผิวเผิน ทั้งสองสามารถเคียงคู่กันได้ไม่ยากเลย ต่างมองไม่เห็นอุปสรรคที่จะมาขัดขวางแม้สักส่วนเสี้ยว
แต่เมื่อเริ่มผูกปมสัมพันธ์เกินเพื่อน เส้นความสัมพันธ์เริ่มลากไป ไม่มีวันจะมาเชื่อมต่อ กาลเวลาไม่เคยรอให้ลากซ้ำรอยเดิม สุดท้ายสายสัมพันธ์ที่สร้างไว้กลับไม่มีวันได้พบ ไม่มีวันบรรจบ และไม่มีวันหยุดลากเส้นความสัมพันธ์ได้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางลงเอย ยิ่งฝืนลากเส้นต่อไป ยิ่งจมดิ่งลงในหุบเหวแห่งความสับสนและสิ้นหวัง
ทนทุกข์ยิ่งกว่าเส้นขนาน เพราะเส้นขนานนั้นแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล แต่อย่างน้อยยังได้เดินเคียงคู่กันเนิ่นนานตลอดไป
ความสัมพันธ์แบบวงแหวนโมเบียส ทั้งสองไม่มีทางได้พบกัน จนกว่าความนิรันดร์จะสิ้นสุดลง
ปมสัมพันธ์ในมิติโมเบียส คือความสัมพันธ์ที่เป็นเพียงภาพลวงตา คลุมเครือ สับสน ไม่ชัดเจน เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส และไม่มีวันถอนตัวได้ ทั้งหมดคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ มาต่ออายุความสุขที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเหมือนเปลวเทียนริบหรี่ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ
.......
ผมจำได้เสมอ ทุกเรื่องราวระหว่างผมกับเธอ
นานแล้วสินะ ที่เรารู้จักกัน แต่ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ใดต่อกัน เพราะเราต่างก็มีปมสัมพันธ์ของตัวเองที่ผูกเอาไว้แน่นหนาแล้ว
ลืมไปเสียสนิทว่า โชคชะตาก็เหมือนเด็กน้อยซุกซน ชอบแกล้งเขี่ยมดให้แตกแถวเล่น ๆ ไม่หวังอะไรมากไปกว่าความสนุกสนานส่วนตัว
โชคชะตาแกล้งตัดปมสัมพันธ์ของทั้งสองคู่ทิ้งเสีย เราต่างกลายเป็นคนอ้างว้างอยู่ชั่วขณะ แล้วโชคชะตาก็จับเรามาเดินบนเส้นทางสายเดียวกัน ใช้ความรู้สึกดีต่อกันเป็นกาวเชื่อมหัวใจ สายใยความสัมพันธ์ที่ต่างอยู่อย่างโดดเดี่ยวค่อยถักทอขึ้นมาเป็นปมสัมพันธ์แน่นหนา หัวใจของเราทั้งสองหลอมรวมเป็นแถบกระดาษเดียวกัน พร้อมจะเชื่อมเป็นวงแหวนแสนงดงาม
แต่โชคชะตากลับบิดมิติเวลาไปเสียครึ่งรอบ...
มิติเวลาที่บิดเบี้ยวเพียงครึ่งรอบ มากพอจะทำให้เธอมีปมสัมพันธ์ที่เป็นเงื่อนตายกับอีกคน ความรักของเรากลายเป็นสิ่งผิด
ปมสัมพันธ์ที่เราร่วมกันถักทอขึ้น จึงอยู่ในมิติโมเบียส
เรารักกันไปแล้ว แต่เรารักกันไม่ได้...
.......
"ความสัมพันธ์ของเราเหมือนวงแหวนโมเบียสเลยนะ"
เสียงกังวานใสของเธอดังขึ้นอีกครั้ง ผมเงยหน้า คราวนี้เห็นเธออยู่ในชุดสวยที่ผมชอบให้เธอใส่ รอยยิ้มเอียงอายระบายอยู่บนใบหน้าของเธอ เหมือนทุกครั้งที่เธอทักทายผม
"อย่าไปนะ"
ผมตะโกน แต่ไม่มีแม้เสียงกระซิบเล็ดลอดออกมา
เธออยู่ตรงหน้าแล้ว เพียงเอื้อมมือไปผมก็จะคว้าเธอเอาไว้ได้ แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน...
เอื้อมไปสุดมือ แต่ผมคว้าเธอไว้ไม่ได้
อีกครั้งที่เธอยิ้ม แต่คราวนี้กลับเป็นรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา...
"อย่าไปนะ... อย่าไป..."
ลืมตาขึ้นช้า ๆ ผมพบเพียงความมืดมนอนธการห่อหุ้มกาย ได้ยินเพียงเสียงสะอึกสะอื้นเจียนตายของตัวเองดังซ้ำไปมาในความเงียบงัน
วุฒินันท์ ชัยศรี
๐๙/๐๘/๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น