วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

นัย / ตา

ดวงดาวสีนิลแก้ว
ประดับแล้วในดวงตา
ยามยิ้มเธอแย้มมา
หมื่นบุปผาล้วนหม่นหมอง

นวลผิวน้ำผึ้งป่า
ดุจผิวทาด้วยนวลทอง
ตาคมเพียงค้อนมอง
แม้เหล็กกล้าระเหิดหาย

คิ้วคางล้วนคมขำ
เพื่อเข่นฆ่าอาชาชาย
เพียงตาสบตาหมาย
ก็ตายตรอมพร้อมพลีฤทัย

แววตาคือจักรวาล
อันว่ายเวิ้งอยู่วามไว
เผลอมองต้องหลงไป
ใจหายลับชั่วกัปชั่วกัลป์

งามผาดหรืองามพิศ
ก็เพียบพร้อมเพียงภาพฝัน
หรือเธอคือกำนัล
จากพระอนงค์ผู้ทรงฤทธิ์

ดวงตาคือบุษปศร
อันร้อนผ่าวระด่าวจิต
ต้องศรก็ซ่านพิษ
อันติดตรึงซ่านซึ้งฤทัย

ดวงดาวสีนิลแก้ว
ประดับแล้วกลางดวงใจ
คร่ำครวญหวนอาลัย
ถึงกัลยานัยน์ตางาม

๒๖/๐๙/๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

ทุนนิยมไม่เหี้ย

"ทุนนิยมไม่เหี้ยแม่งมีด้วยเหรอวะ" ผมขว้างเสียงตะโกนลงกลางความฉ่ำเยิ้มของวงน้ำเมา
"ตรงหน้ามึงนี่ไง ทุนนิยมรสโอชาบรรจุขวด" เพื่อนพูดพลางพยักพเยิดไปยังขวดจอห์นนี่ขี้เดิน ยิ้มกรีดกรายในดวงตาอย่างน่าลูบไล้ด้วยปลายตีน "ถ้าไม่มีทุนนิยม ไอ้ห่าจอห์นนี่จะเดินมาเหยียบส้นตีนที่ลิ้นมึงได้มั้ย"
"อย่าเลยเหล้าเหี้ย ๆ เนี่ย กูแดกเพราะเหล้านายทุนไทยมันระคายคอหรอก อยากแดกเหล้าเถื่อนแม่งก็ต้มเองไม่ได้ ผูกขาดกันชิบหาย ฟักแคปปิตอลลิสม์!" สบถพร้อมรินเมรัยเข้าปากล้างคำหยาบ "รุ่นพี่ที่กูไปทำงานด้วยบอกว่าทุนนิยมแม่งมีทั้งเหี้ยกับไม่เหี้ย แต่ถ้าเรารับเงินที่มันบอกว่าไม่เหี้ยจากนายทุนเหี้ย ๆ เพื่อมาทำเรื่องไม่เหี้ย ก็ถือว่าเราไม่ได้ทำเหี้ย แบบนี้มันใช่เหรอวะ"
"ไอ้ห่าอย่าปล่อยเหี้ยเยอะกูงง" มันหัวเราะ "เขาก็พูดถูกแล้วนี่ เงินไม่เหี้ยเสมอไปหรอกถ้ามึงเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์... อย่างซื้อเหล้าเลี้ยงกู"
"สันดานมึงนี่แม่ง รวยกว่ากูเสือกชอบกินฟรี" ผมกระซิบสบถเพราะกลัวเหล้ากระเด็นจากซอกฟัน "แม่งขูดรีดกำไรส่วนต่างจนพุงกาง แล้วเขี่ยเศษกระดูกมาทำซีเอสอาร์ลดภาษีชัด ๆ ทำไมรุ่นพี่กูต้องเห็นดีเห็นงามด้วยวะ"
"ถ้ามึงไม่รับเงินซีเอสอาร์ มึงจะได้มานั่งแดกเหล้าปรับทุกข์กับกูที่อาร์ซีเอนี่มั้ย ไอ้ห่ามึงอย่าไปเชื่อมาร์กซ์มาก ถ้ามาร์กซ์แม่งไม่ได้เงินทุนสนับสนุนจากเองเกลส์มันจะเขียนหนังสือด่าทุนจบมั้ยวะ" มันกระดกแก้วเหล้า ก่อนผมจะสะกิดเตือนมันเบา ๆ จนหน้าคว่ำเพราะมันยกผิดแก้ว "มึงยังหนุ่มก็ซ้ายแบบนี้ล่ะวะ เดี๋ยวแก่ไปมึงก็คงเข้าใจพี่แก ขงเบ้งยังเคยกล่าวไว้ หนุ่มสาวไม่เป็นซ้ายคือไร้หัวใจ คนแก่ยังเป็นซ้ายคือไร้สมอง"
"ขงเบ้งห่าไรวะ สมงสมองมึงนี่ไปกับน้ำเมาหมดแล้วสัตว์" ผมกลืนคำเผ็ดฉุนลงไปพร้อมกับน้ำสีอำพันที่เพื่อนชงให้ใหม่ ระยำ! เหล้าห่านี่จืดอย่างกับน้ำจุ่มส้นตีน

๑๗/๐๙/๕๗

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

วงปี


วงปีที่ระยับสลับลาย
คือหนึ่งความหมายการเติบใหญ่
หนึ่งปีที่หยั่งรากระบัดใบ
คือหนึ่งวงฝังไว้เป็นลายลักษณ์

วงปีคือขวบปีที่เติบโต
ถ่อมตนมิอวดโอ้อยู่แน่นหนัก
วันเดือนเคลื่อนผ่านมิเคยพัก
เคลื่อนผ่านการรู้จักตระหนักตน

หนึ่งวงปีย่อมเดือนปีที่ผันผ่าน
อีกหนึ่งวงคือตำนานการเริ่มต้น
แต่ละวันแต่ละเดือนค่อยเคลื่อนพ้น
ค่อยสร้างรากฐานจนเต็มต้นใบ

วงปีคือตำนานการต่อสู้
จึงรับรู้กว่าจะเห็นเป็นไม้ใหญ่
แต่ละวงคือตำนานบันดาลใจ
ฤๅมีการต่อสู้ใดไร้ร่องรอย?

ชีวิตคนไร้ค่าอย่างอากาศ
พริบตาอสุภธาตุก็เสื่อมถอย
กี่ปีเดือนเคลื่อนไปไม่ถึงร้อย
หรือรอคอยดินกลบร่างอยู่อย่างนั้น?

พฤกษชาติเมื่อโค่นลง, เหลือวงปี
ร่องรอยที่หนึ่งชีวิตได้คิดฝัน
ชีวิตคนวนเวียนวันต่อวัน
เราสร้างสรรค์สิ่งใดไว้ในชีวิต!

๙ กันยายน ๒๕๕๗