วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บางห้วงคำนึง-ระลึกถึงกนกพงศ์


๏ หากวันนี้กนกพงศ์ยังคงอยู่
ไม่รู้จะเลือกข้างไหน
จะเป็นหัวก้าวหน้าประชาธิปไตย
หรือศักดินาสาไถยเหมือนใครประณาม

๏ หากวันนี้กนกพงศ์ยังไม่ตาย
จะอยู่ข้างพี่ชายหรือตรงข้าม
เมื่อสังคมเสียงข้างมากลากเข้าความ
ล้วนมิเคยไถ่ถามความเห็นใคร

๏ ผิดจากเรามิใช่เราไม่เผาผี
ผิดจากสีก็ต่างสีหรือมิใช่
วิถีทางหลากหลายล้วนตายไป
เสียงข้างมากยุคใหม่เขาไม่ฟัง

๏ ชนชั้นทุนที่โอบล้อมโลกซัลมาน
วันผ่านก็เพียงความหลัง
ทุนสามานย์-ทุนศักดินา, ละล้าละลัง
จะอยู่ฝั่งทุนไหนให้เลือกเอา

๏ ไม่มีตรงกลางระหว่างนี้
ไม่เลือกสักหนึ่งสีคือขลาดเขลา
เมื่อถนนโคลีเซียมแผ่เงื้อมเงา
สยายมนต์แห่งแม่เฒ่าให้กลับฟื้น!

๏ อาจโชคดีที่กนกพงศ์ไม่อยู่
จึงมิต้องรับรู้หรือทนฝืน
ยุคนักเขียนเลือกข้างช่างกล้ำกลืน
เพื่อนเกลียดเพื่อนต่างจุดยืน, ขมขื่นนัก! ๚ะ๛


๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"I can't accept your friend request."


(เปิดเผยเรื่องราวในภาพยนตร์เกรียนฟิคชั่น)

เมื่อน้องมิว เอ้ย พลอยดาวถามก้อยว่าเธอจะช่วยตี๋ได้อย่างไร คำตอบที่ผู้ชมจะทราบตอนท้ายเรื่องคือการที่พลอยดาวกดยอมรับคำขอเป็นเพื่อนของตี๋ในเฟซบุ้คซึ่งดูเหมือนว่าเธอไม่เคยกดรับมาตลอดตั้งแต่รู้จักกันในโลกความจริง

การกระทำที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยเหลือเกินของพลอยดาว มองในอีกแง่หนึ่งนี่คงจะเป็นภาพสะท้อนของยุคสมัยที่การอยู่ในร่วมกันในชุมชนเสมือนที่มีโลโก้ตัวเอฟบนพื้นสีน้ำเงินมีความสำคัญมากกว่าการเดินกระทบไหล่กันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินเสียอีก

เพราะในโลกความจริง บางครั้งเราไม่สามารถพูดความจริงได้เต็มปาก เพราะถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขมากมายของพื้นที่และเวลาในโลกจริง สิ่งที่เราต้องแสดงออกในโลกความเป็นจริงคืออัตลักษณ์ที่ถูกบังคับให้เป็น หรืออัตลักษณ์ที่คนอื่นต้องการจะเห็น

พื้นที่และเวลาที่ตี๋บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับพลอยดาว คือพื้นที่และเวลาที่เพื่อน ๆ รุมจ้องอยู่ และตี๋ก็คงพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่ายืนยันว่าคิดกับพลอยดาว "แค่เพื่อน แค่เพื่อนจริง ๆ" แต่เมื่อพลอยดาวสารภาพความจริงว่าเป็นแฟนกับเพื่อนตัวเอง ไอ้คำว่าแค่เพื่อนของตี๋ก็ถูกพิสูจน์ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาว่าโกหกทั้งเพ

แต่ในโลกเสมือนนั้น พื้นที่และเวลาทั้งหมดล้วนเป็นของเราทั้งสิ้น เราสามารถจะสร้างอัตลักษณ์ให้กับตัวเองอย่างไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการขยันโพสต์คำคมเท่ ๆ อัพรูปแบ๊ว ๆ ตอนใส่เสื้อผ้าราคาเรือนหมื่น หรือลงรูปของกินแพง ๆ ชนิดที่ต้องเก็บเงินมาทั้งเดือนเพื่อถ่ายรูปสร้างอัตลักษณ์ให้ตัวเองเป็นคนมีเงินกินของดีมีระดับ ก่อนจะแด๊กมาม่าไปจนถึงสิ้นเดือน หรือว่าจะทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี อัพเรื่องวิชาการและการเมืองด้วยภาษาถ่อยเถื่อนถูกใจวัยรุ่นเพื่อสถาปนาตัวเองเป็นศาสดาให้สาวกกดไลค์แอนด์แชร์ก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น

พื้นที่และเวลาสำหรับการแสดงอัตลักษณ์ที่ไร้ขีดจำกัดนี้ จึงทำให้หลายคนหลง (หรืออาจจะเป็นเรื่องจริงของยุคสมัย) ว่าการกระทำในโลกเสมือนนี่แหละคือการกระทำด้วยความจริงใจจากตัวตนจริง ๆ ที่เราเป็นอยู่ ตัวตนที่อยากจะเป็น หรือตัวตนที่พยายามสร้างในโลกเสมือนใบนี้

การกระทำใด ๆ ก็ตามต่อเพื่อนในโลกเสมือน หลายครั้งจึงถูกเหมารวมว่าทำไปจากใจจริงทั้งสิ้น

หลายคนโกรธเมื่อถูกอันเฟรนด์ หลายคนน้อยใจเมื่อแอดเฟรนด์แล้วเพื่อนไม่ยอมกดรับคำขอ พอเจอหน้ากันในโลกความจริงก็เหวี่ยงใส่ ไถ่ถามหาเหตุผลต่าง ๆ นานาว่าทำไมไม่ยอมรับแอดฉัน

อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกันนั้นเองที่พลอยดาวไม่ยอมกดรับคำขอเป็นเพื่อนของตี๋เสียที

ที่สุดแล้ว การกดรับเป็นเพื่อนในโลกเสมือนจึงกลายเป็นเงื่อนไขของการเป็นเพื่อนในโลกจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การกระทำที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยเหลือเกินของพลอยดาว แต่สำหรับตี๋แล้วมันคงจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา เพราะนั่นหมายความว่าพลอยดาวได้ยอมรับตี๋เป็นเพื่อนอย่างสนิทใจแล้ว

มันดูเป็นเรื่องตลกย้อนแย้งที่ขำไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อคิดว่าโลกเสมือนกลับกลายเป็นพื้นที่ของตัวตนแท้จริงและความจริงใจ ขณะที่โลกจริงเรากลับต้องใส่หน้ากากตอแหลใส่กันทุกวัน

การกดรับคำขอเป็นเพื่อนในโลกสมมติ (Respond to Friend Request) จึงกลายเป็นเรื่องจริงจังเหลือเกินในยุคสมัยของเรา