:: พื้นที่รวบรวมงานเขียนเก็บเล็กผสมน้อยเป็นไทม์แมชชีนความรู้สึกของวันวาน ::
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
คารวะครู "อรสม สุทธิสาคร"
เวลาที่ผมต้องเขียนเล่าถึงประสบการณ์การเขียนของตัวเอง ผมก็มักจะเขียนถึงคุณอรสม สุทธิสาคร (หรือพี่อรสมของน้อง ๆ วงการนักเขียน) ว่าเป็นครูผู้สอนวิชาการเขียนสารคดีให้แก่ผม แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่พี่อรสมเคยสอนผมไม่ได้มีแค่วิชาสารคดี แต่คือวิชาที่เรียกว่า วิชาชีวิต
หากชีวิตของผมมีสิ่งที่เรียกว่าด้านดีของชีวิตอยู่บ้าง สิ่งดี ๆ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ผลิดอกออกผลมาเพราะคำสั่งสอนจากครูของผมคนนี้นี่เอง
ยิ่งตอนนี้มาประกอบสัมมาอาชีพเป็นครูบาอาจารย์ ยิ่งรู้สึกผิดในใจว่าสิ่งที่เราสอนเด็กอยู่ทุกวันนี้ เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ครูเคยถ่ายทอดให้แก่เราเมื่อยังเยาว์วัย
สิ่งที่พี่อรสมทำไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์ผลงานสารคดีเปี่ยมคุณภาพไว้มากมาย ไม่ใช่แค่สอนวิชาสารคดีให้แก่น้อง ๆ หลายสิบรุ่น แต่คือการเป็นเสาหลักของวงการสารคดี คือร่มโพธิ์ร่มไทรที่เติบโตและหยั่งรากลึก ทำให้สังคมยอมรับสารคดีในฐานะงานศิลปะที่สำคัญอีกแขนงหนึ่ง
รางวัลศิลปินแห่งชาติ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพี่อรสม ไม่ว่าจะเป็นฐานะของศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานสารคดีไว้อย่างวิจิตร หรือในฐานะครูของศิลปินสารคดีอีกหลายคนที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการน้ำหมึกนี้
ขอแสดงความยินดีกับพี่อรสม ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2563 นะครับ
ปล. ภาพแอบยิ้มแฉ่งอยู่ข้างหลังพี่วีและพี่อรสม สมัยฝากตัวเป็นศิษย์ก้นกุฏิทางการเขียน
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ตั๋วช้าง
หากมิยอมนบนอบอำนาจช้าง
หญ้าแพรกก็แหลกร่างอย่างทาสไพร่
หากอิงแอบแทบเท้าย่อมก้าวไกล
ศักดิ์ศรีใดจะเหลือมาสู้หน้าคน
"ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด"
คือฝันอันโป้ปดและปี้ป่น
เกียรติยศแห่งหญ้าอันแยบยล
คือเป็นทาสอุทิศตนใต้ตีนช้าง!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)