วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

น้ำตา

๏ หากน้ำตาหนึ่งหยดรินรดใจ
แล้วจะลืมเรื่องเธอได้สักเรื่องหนึ่ง
ให้น้ำตาลบภาพฝันอันตราตรึง
ลบทุกความหวานซึ้งซึ่งเคยมี

๏ เช่นนั้นจะร้องไห้ให้ใจขาด
ลบเรื่องเธอซึ่งหวังวาดไว้เต็มที่
ให้น้ำตาล้างใจเคยใยดี
ลืมคนเคยย่ำยีบีฑา

๏ แต่ทุกค่ำคืนที่ร้องไห้
ภาพรอยยิ้มหวานใสเคยใฝ่หา
ยิ่งมองเห็นชัดถนัดตา
เกินกว่าจะอำพรางล้างรอยช้ำ

๏ น้ำตาหนึ่งหยดรินรดใจ
ภาพเธอยิ่งหวนให้ใจถลำ
น้ำตาอีกล้านหยดยิ่งหยดซ้ำ
ยิ่งจดจำทุกความหลังฝังฤทัย

๏ เสียงสะอื้นทุกคืนค่ำคอยกล่อมนอน
มีเพียงหมอนซับน้ำตาที่รินไหล
ทุกหยดหยาดยิ่งบาดลึกลงแผลใจ
ยิ่งร้องไห้ยิ่งตราตรึง, คิดถึงเธอ ๚ะ๛

๑๗ มิ.ย. ๕๖

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลับตา

๏ วันนั้นฉันเอาแต่หลับตา
บอดบ้าอยู่เต็มใจจึงไม่เห็น
ทั้งหูตาจมูกปากไม่จำเป็น
เพียงหลบเร้นหัวใจไม่รับรู้

๏ วันนั้นฉันเอาแต่ปิดตา
แล้วหลอกตัวเองว่าเธอรักอยู่
กวีหวานแว่วผจงจึงพร่างพรู
มีเธอเคียงคู่อยู่เช่นนั้น

๏ แต่ความจริงที่รับรู้แรกสบตา
คือความจริงที่บอกว่าไม่รักฉัน
เธอไม่มีหัวใจไว้รักกัน
รู้ทั้งรู้นับแต่วันแรกพบ

๏ แต่เพราะหัวใจไม่รักดี
ทั้งที่จุดเริ่มต้นคือจุดจบ
และไม่นานคำรักคงเลือนลบ
เลี่ยงหลบอย่างไรก็ไม่พ้น

๏ หากวันนั้นฉันเพียงแต่เปิดตา
ยอมรับว่าเธอไม่รักเพียงสักหน
คงไม่ต้องร้องไห้ทุรายทุรน
ให้กับคนไม่มีใจ,ไม่เคยรัก ๚ะ๛

๑๕ มิถุนายน ๕๖

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จดหมายถึงหญิงสาวในโลกคู่ขนาน ฉบับที่ 2



เธอที่รัก, ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา บางทีเธออาจจะสับสนระหว่างตัวตนในโลกจริง ตัวตนในโลกเสมือน และการสร้างงานของฉัน ซึ่งบางครั้งมันอาจเกี่ยวพันกัน บางครั้งมันแยกจากกันเด็ดขาด บางครั้งมันอาจเกี่ยวพันบางส่วน ที่เหลือเป็นการแต่งเติมของจินตนาการ---ฉันอาจจะบอกเธอจนเธอเบื่อจะฟังแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะบอกเธออีกครั้ง

เอาล่ะ ฉันยอมรับตรง ๆ ก็ได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับการบันทึกไว้ในโลกส่วนตัวของฉัน เธอคือแผลเป็นหนึ่งในใจของฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบเป็นเธออยู่ในส่วนเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวที่ฉันเขียน เธอสำคัญมากพอที่ฉันจะเคยเก็บเธอไว้เงียบ ๆ ในฐานะหนึ่งในคนค้ำจุนหัวใจ แน่นอนฉันเผลอพูดความในใจออกไปตอนที่เรากลับมาพบกันอีกครั้ง และมันนำมาซึ่งการสูญเสียเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ตอนนั้นฉันคงจะคิดบ้า ๆ อะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ดูหนังดากานดามากเกินไป ไอ้ที่บอกว่า---ไม่เกี่ยวหรอกว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ขอให้ฉันได้บอกความรู้สึกดี ๆ ก็พอแล้ว---เอาเข้าจริงมันโคตรจะบทภาพยนตร์น้ำเน่ามาก ๆ และฉันก็ดันลืมไปว่าฉันเป็นแค่ไอ้ไข่ย้อยในโลกจริง และไม่ได้รับบทโดยซันนี่

เธอรู้ไหม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็นับได้แปดปีแล้วที่เรารู้จักกัน หรือมากกว่านั้นถ้าเธอจะนับเวลาก่อนหน้าว่า-เรารู้จักกัน วันนี้ฉันอาจเปลี่ยนไปบ้าง ฉันอาจไม่เหมือนคนเดิมในแปดปีก่อนที่โพล่งเรื่องความรู้สึกออกไปชัด ๆ ตรงไปตรงมา เพราะตอนนั้นฉันคิดตามประสาเด็ก ๆ ว่าการพูดขวานผ่าซากเป็นการให้เกียรติความรู้สึกดีที่มีต่อใครบางคน แต่เมื่ออายุมากขึ้นมาหน่อย ฉันจึงได้เรียนรู้ว่าคนอย่างฉันพูดความจริงได้มากน้อยแค่ไหน ทว่าถึงแม้จะปิดปากเงียบมากขึ้น ข้างในของฉันก็ยังแปรปรวนและอ่อนไหวจนน่ารำคาญเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเมื่อแปดปีก่อนด้วยซ้ำ แต่ฉันก็พยายามแล้วที่จะเก็บทุกสิ่งไว้ในหัวใจไม่แสดงออก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวแก่เธอ นับตั้งแต่วันที่ฉันตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้เธอรำคาญใจอีก

แต่เธอก็อาจจะรำคาญที่ยังคงเห็นฉันไม่หยุดคร่ำครวญจนถึงวันนี้ หรือเธออาจจะคิดว่าต้นเหตุของเสียงคร่ำครวญนั้นคือเธอ และเธอไม่อยากรู้สึกผิด เธอไม่อยากแบกรับความรู้สึกที่เธอไม่อยากรับ เธออยากเห็นฉันมีชีวิตที่ดี เธอไม่อยากให้ฉันยึดติดกับเธออีกตลอดกัลปาวสาน

เธอที่รัก, ขอให้เธอรู้ไว้ว่า-นับแต่วันที่เธอสูญสลายไปจากใจของฉัน เธอไม่เคยย้อนกลับมาอีก เธอคือแผลเป็นที่ฉันไม่ได้กลับไปเหลียวมอง เธอเป็นหนึ่งในคนค้ำจุนหัวใจ ทว่าไม่ใช่เสาหลักซึ่งค้ำจุนหัวใจฉันเอาไว้ (อันที่จริงมันไม่ต่างกันหรอกในเมื่อทุกอย่างมันพังทลายไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนก่อน แต่ถ้าพูดกันถึงรายละเอียด แน่นอนมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง)

กล่าวอย่างรวบรัด สภาพที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นผลจากใครบางคนซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน-ใครบางคนซึ่งเป็นหลักยึดสุดท้ายในใจฉันจากไปแล้ว และฉันยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ชีวิตในส่วนที่ฉันจะใช้เพื่อใครสักคนได้พังทลายลงไปเรียบร้อยแล้ว-อย่างสมบูรณ์ ที่เหลือตอนนี้ก็แค่ซากร่างหรืออะไรสักอย่างกลวง ๆ ที่ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ อย่างที่คนรอบตัวอยากให้เป็น มันน่าสมเพชถึงขนาดที่ว่าการเป็นคนอื่นที่ฉันไม่อยากจะเป็นทำให้ฉันใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่ได้รักอย่างสุรุ่ยสุร่าย---แค่เวลาจะร้องไห้ให้ใครคนนั้นฉันยังแทบไม่มีเลย---ทว่าใครคนนั้นอาจไม่ใช่เธอ-เกือบจะเป็นเธอ-แต่ไม่ใช่เธอ ดังนั้นเธอสบายใจได้ สบายใจมาก ๆ ได้เลยเสียด้วยว่าการล้มลงของฉันครั้งนี้ เธอไม่มีส่วนใด ๆ เลย

เธอที่รัก, ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา (น่าตลกดี นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเคยเรียกไว้อย่างประชดประชันว่า 'ความเปราะบางแห่งยุคสมัย' ทว่าเมื่อเกิดกับตัวเอง ฉันกลับไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร) เธออาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันอีกต่อไป หรือเธออาจจะอยากเป็นเพื่อน ทว่าไม่อยากเห็นเรื่องราวการคร่ำครวญไร้สาระของฉัน ฉันพยายามคิดย้อนไปถึงเรื่องราวหลายอย่างที่ฉันพยายามพูดกับเธอ หลายเรื่องที่ฉันพยายามสื่อสารถึงเธอ ทว่าฉันเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้ผล (บางทีฉันอาจจะขาดความสามารถในการสื่อสารมากเกินไป) แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอก็ได้เลือกแล้ว และฉันก็เคารพการตัดสินใจนั้น

นี่อาจเป็นข้อความที่เธอไม่มีโอกาสอ่าน ไม่อยากอ่าน ไม่มีวันได้อ่าน หรือกระทั่งอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจทุกอย่างนัก แต่ฉันก็พยายามแล้วที่จะสื่อสารไปให้ถึงเธอเพื่อบอกว่า---ฉันสบายดี แม้ไม่ใช่ในความหมายปกติ และเธอก็ไม่มีส่วนใด ๆ กับความป่วยไข้ทางใจของฉันในวันนี้---ไม่มีส่วนใด ๆ อีกต่อไปแล้ว


10 มิ.ย. 56