วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

เปราะบางเหลือเกินนะหัวใจ

๏ ร้าวรานเหลือเกินนะหัวใจ
ยิ่งปลอบโยนยิ่งไร้ความหมาย
ทั้งที่เห็นว่ามีใครเคียงข้างกาย
แต่รู้สึกคล้ายคล้ายว่าไม่มี

๏ ถนนที่ทอดยาวชื่อความเหงา
มีเพียงความว่างเปล่าทุกพื้นที่
ไม่มีผู้ใดมาใยดี
ทุกเสี้ยววินาทีคือลำพัง

๏ โอบกอดลมหนาวเป็นเพื่อน
ค่อยลบลืมเลือนความหลัง
แม้ทุกภาพเคยคุ้นตาย้อนมาประดัง
แต่ทุกครั้งก็คว้าได้เพียงสายลม

๏ ไม่มีเธอในวันนี้หรือพรุ่งนี้
มีเพียงทุกนาทีที่ขื่นขม
ไม่มีใครเคียงข้างกันวันทุกข์ตรม
ทุกครั้งที่ฉันล้ม... ต้องลุกเอง

๏ เจ็บปวดเหลือเกินนะหัวใจ
ต่อหน้าใครใครทำอวดเก่ง
แม้หัวใจไร้หวังแสนวังเวง
ทำปากกล้าไม่กลัวเกรงใครทั้งนั้น

๏ แต่พออยู่คนเดียวเงียบเงียบ
กลับเย็นเยียบหัวใจไหวหวั่น
ข้างกายเคยมีใครอยู่ใกล้กัน
เหลือเพียงภาพฝันเดียวดาย

๏ เปราะบางเหลือเกินนะหัวใจ
แล้วน้ำตาก็รินไหลอย่างง่ายง่าย
ยิ่งฝืนยิ่งสะอื้นจนเจียนตาย
ความเจ็บช้ำคอยทำร้ายทุกนาที

๏ เจ็บปวดที่สุดของความรัก
ใช่ยามอกหักรักหลีกหนี
แต่คือคนรักมีเหมือนไม่มี
แผลใจทบทวีทุกคืนวัน

๏ สองมือเย็นเฉียบเพราะลมหนาว
หัวใจรานร้าวยิ่งหนาวสั่น
ไม่มีแล้วมือเคยให้ไออุ่นกัน
ต้องใช้มือเย็นเฉียบนั้น... กอดตัวเอง ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๘/๐๙/๒๕๕๓

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

Kick Ass เกรียนโคตรมหาประลัย: อารมณ์เกรียน ๆ ของหนังเกรียนที่ไม่เกรียน

 
"คนธรรมดาก็เป็นฮีโร่ได้" ว้าว ๆ ๆ

แน่นอนเราไม่ได้พูดถึงคนธรรมดา (ตรงไหน) แบบบรู๊ซ เวย์น มหาเศรษฐีหนุ่มผู้ไปฝึกศิลปะการต่อสู้จากต่างแดน และใช้เครื่องมือสุดไฮเทคประกอบการเป็นซูเปอร์ฮีโร่นามแบทแมน (ยังไม่รวมถึงการก้าวข้ามความหวาดกลัวและตราบาปในวัยเด็ก โอ้... ดราม่าสุด ๆ) แต่เราพูดถึงคนธรรมดาจริงจริ๊ง... คนธรรมดาที่ใจยังไม่กล้าพอจะกระโดดข้ามตึก, คนธรรมดาที่ต้องนับ 1..2..3 ก่อนตัดสินใจเอาตัวไปเสี่ยงดงส้นทีนอันธพาล โดยมีอาวุธแค่กระบองเล็ก ๆ ที่ฟาดใครก็แค่เจ็บคันนิดหน่อย

แต่คนธรรมดาคนนั้นดันใส่ชุดประหลาด ๆ เพื่ออำพรางโฉมหน้าที่แท้จริง แอ่น แอน แอ้นนนน นี่มันซูเปอร์ฮีโร่แบบในการ์ตูนนี่หว่าเฮ้ย โอ... เขาต้องมีพลังพิเศษแน่ ๆ ไม่ทันขาดคำ ส้นทีนของอันธพาลก็ประเคนไปเต็มหน้าของ "ฮีโร่"

ให้มันได้อย่างนี้สิ! ฮีโร่แบบ "คนธรรมดา!"

.............
พล็อตเรื่องแบบ "คนธรรมดาก็เป็นฮีโร่ได้" ถ้าไม่เอามาใช้ทำหนังตลกล้อเลียน ก็ทำได้แค่หนังที่พูดถึงความเจ็บปวดและการเสียสละของฮีโร่ การยอมทิ้งชีวิตธรรมดาแลกกับการเป็นฮีโร่ ออกแนวดราม่า ๆ

แต่พอดูตัวอย่างหนังเรื่อง Kick Ass เอ๊ะ! มันจะเอาฮาอย่างเดียวก็ใช่ที่ ทำไมแอบมีพูดถึงความเจ็บปวดของฮีโร่ แต่เอ๊ะ! ฮีโร่ผู้เจ็บปวดประเภทไหนกันใส่ชุดฮีโร่เดินไปซื้อโค้กกินที่ร้านสะดวกซื้อ อ้าว! แล้วยังมีคนใส่หน้ากากโผล่มาอีกตั้งหลายคน ว้าว! มันมีหลายรสชาติจริง ๆ น่าดูโคตร ๆ ตอนนั้นผมเสียดายมากเพราะหนังเข้าตอนสงกรานต์ ช่วงกลับบ้านพอดี เลยอดดูในโรง (จ. ชัยภูมิไม่มีโรงหนังครับพี่น้อง!!) เลยหันมาเล็งแผ่นแทน แต่แผ่นก็ออกช้าสุด ๆ ไม่ทันใจวัยรุ่นเลย ทันทีที่ได้แผ่น เลยต้องรีบดู แต่...

ดูเหมือนว่า Matthew Vaughn จะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่, หนังที่บอกเล่าความเจ็บปวดและการเสียสละของฮีโร่, หนังที่คนธรรมดาต้องอุทิศตนเพื่อการเป็นฮีโร่ หรือจะเป็นหนังเอาฮาดี แถมยังมีต้นฉบับการ์ตูนมาคอยกดดัน เลยจับทุกอย่างใส่ไปให้หมดในเรื่องเดียว อารมณ์แบบ Action+Comedy+Drama นิด ๆ

ผลก็เลยเป็นว่า พอบทจะซึ้ง น้ำตาก็ไม่ไหล เพราะมันดันซึ้งแบบฮา ๆ พอบทจะหัวเราะ ก็หัวเราะได้แห้ง ๆ เพราะมันฮาแบบเครียด ๆ ทั้งที่ทีมพากย์พันธมิตรช่วยยื้อความฮาสุดชีวิตแล้ว พับผ่าสิ บางทีสถานการณ์ของเรื่องอาจไม่เอื้ออำนวยให้พันธมิตรยิงมุกตามถนัด เมื่อเทียบกับหนังล้อเลียนซูเปอร์ฮีโร่ฮาขี้แตกอย่าง Superhero Movie เลยปล่อยมุกมาได้แค่กระปริบกระปรอย สำหรับท่านที่ดู DVD เปิดซับได้ ขอแนะนำให้เปิดเสียงพากย์ไทย (ฟังพันธมิตรพากย์เอาฮา) เปิดซับอังกฤษ (อ่านบทหนังเอาฮา) ในซับอังกฤษมีคำด่าฮา ๆ เยอะ แต่ถ้าท่านนิยมฟังเสียงอังกฤษก็แล้วไป


.............
เอาล่ะ ที่ยอมรับจริง ๆ ก็ต้องเป็นฉากแอ็คชั่นที่มันส์สุดทีนมาก โดยเฉพาะฉากโหดเลือดสาดของ Hit Girl ที่แสดงโดย Chloë Grace Moretz สำหรับเรื่องนี้ ถ้ามีคะแนนเต็มสิบ ผมให้เธอสองร้อยแปดสิบ เธอเล่นขโมยซีนทุกคนไปหมดเลยแม้แต่นักแสดงระดับ Nicolas Cage และ ปล. ฉากบู๊ต้องดูด้วยความเกรียนปนโรคจิตเล็กน้อย แล้วจะได้ความสะใจโคตร ๆ ที่หนังได้เรท 18+ มาก็เพราะฉากเลือดสาดนี่มันเล่นกันแบบโหดเอาจริงเอาจังนี่แหละ แถมคนบู๊เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อีกตะหาก ถูกใจโลลิค่อนโรคจิตอย่างผมยิ่งนัก (จ๊ากกก) แถมดนตรีประกอบฉากแต่ละครั้งโคตรฮา แต่มันสาดดดด

ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น เนื้อหาสาระ ความดราม่า ความฮา ผมให้คะแนนกลาง ๆ อารมณ์แบบว่าถึงจะไปดูในโรงก็คงไม่ถึงขนาดเสียดายเงิน เนื้อหาสาระนั้นมีแน่ แต่ไม่ต้องถึงกับใช้ทฤษฎีอะไรเข้ามาจับ ขอแค่ใช้อารมณ์เกรียนที่มีติดตัว (ถ้ามี) ในการเข้าถึง แล้วจะพบว่า ว้าว! นี่แหละความเกรียนแบบวัยรุ่นล่ะ แม้ปมปัญหาหลาย ๆ เรื่องยังไม่คลี่คลาย แต่ก็ดูเหมือนจะทำให้มีภาคต่อ (?) งั้นก็เก็บปมเรื่องไว้ไม่นำมาให้คะแนนละกัน

........
ไม่ถึงขนาดแนะนำว่า "ต้องดู" แต่ถ้าคุณเป็นคอหนังซูเปอร์ฮีโร่ หรือหนังแอ็คชั่นคอเมดี้ หรือไม่อยากพลาดหนังแนว ๆ แห่งยุคสมัย ก็สมควรไปหามาชม อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเสียดายเวลาสองชั่วโมงที่ใช้ตะลุยไปกับหนังอย่างแน่นอน

๑๗/๐๘/๒๕๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เป็นเพราะฉันไม่เคยจำ...

๏ เธอเคยเตือนฉันไว้...
อย่าปล่อยหัวใจให้ไหวหวั่น
อย่าเผลอสร้างเงื่อนไขความสัมพันธ์
เมื่อเรานั้นไม่ชัดเจนอยู่เช่นนี้

๏ แต่รักเป็นเรื่องของหัวใจ
มิใช่ใช้สมองตรองถ้วนถี่
รักมิรู้ผิดชอบฤๅชั่วดี
รักย่อมเป็นเช่นที่รักอยากเป็น

๏ หรือฉันควรทิ้งทุกสิ่งไป
เก็บรอยยิ้มพิมพ์ใจมิให้เห็น
เก็บภาพความทรงจำเคยชัดเจน
ฝังกลบหลบเร้นความรักไว้

๏ ความทรงจำระหว่างเราไม่มากเลย
เธออาจลืมหรือทำเฉยแต่ฉันไม่
เธอก็รู้ทุกครั้งฉันรักใคร
ฉันมิเคยเผื่อใจไว้สักครั้ง

๏ ความรักของเราอาจต้องจบ
แต่ฉันมิอาจลบภาพความหลัง
แม้รอยยิ้มเสียงหวานใสเคยได้ฟัง
จะประดังมาซ้ำใจให้เจ็บช้ำ

๏ คิดถึงเธอทุกทีที่อ่อนไหว
แล้วก็เผลอร้องไห้ใจเพ้อพร่ำ
ทั้งที่จำคำเตือนเธอได้ทุกคำ
แต่ใจฉันไม่เคยจำ...ว่า "ห้ามรัก" ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร...นอนตื่นสาย"
๑๕/๐๙/๒๕๕๓ วันที่เผลอคิดถึง...คนที่ไม่คิดถึงเรา