วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

ผึ้งกับดอกไม้

กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก มีผึ้งหนุ่มตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดมาดูแล จึงดูราวกับว่าผึ้งหนุ่มตัวนั้นเป็นเจ้าของสวนดอกไม้เสียเอง ทุกวันเขาจะเก็บกินน้ำหวานจากสวนดอกไม้แห่งนี้เพื่อเลี้ยงชีวิต จนเมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นจึงสังเกตเห็นว่าดอกไม้บางดอกนั้นเริ่มแห้งเฉา ผึ้งหนุ่มรำพึงรำพันกับตนเองเบา ๆ

“อนิจจา! ใยดอกไม้บางดอกจึงเหี่ยวแห้งเช่นนี้ ชะรอยจะเป็นเพราะเราเก็บกินน้ำหวานจากดอกไม้มากเกินไป หากเรายังอยู่ที่นี่ต่อไป ดอกไม้จักเหี่ยวแห้งไปทั้งสวน อย่ากระนั้นเลย เราควรจะหยุดเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ในสวนน้อยแห่งนี้ และไปจากที่นี่เสีย เพื่อให้ดอกไม้ยังคงเบ่งบานอยู่ต่อไปได้”

รวดเร็วเท่าความคิดราวกามนิตหนุ่ม ผึ้งน้อยบินจรหลีกหนีจากสวนดอกไม้น้อยไปแสนไกล เขาได้พบกับฝูงผึ้งผองเพื่อน จึงปักหลักอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข ไม่กลับมายังสวนดอกไม้อีกเลย

สวนดอกไม้น้อยนับวันกลับยิ่งเหี่ยวเฉา และหากดอกไม้สามารถพูดได้ ผึ้งหนุ่มอาจจะได้ยินคำรำพันจากดอกไม้ “เธอกำลังเข้าใจผิด ผึ้งน้อย ฉันมิได้เหี่ยวแห้งเพราะเธอดื่มน้ำหวานจากฉันมากเกินไปหรอก ฉันกลับดีใจที่เธอชื่นชมรสน้ำหวานของฉัน แม้ดอกไม้บางดอกอาจเหี่ยวแห้งไป แต่นั่นก็เป็นเพราะเงื่อนไขของธรรมชาติและกาลเวลา จะมีดอกไม้ดอกใดหรือที่สามารถยืนยงอยู่ชั่วกาล

“เธอไม่เห็นหรอกหรือว่าในความเหี่ยวเฉานั้น ยังมีดอกไม้เล็ก ๆ ที่แอบซุกตัวอยู่ข้างหลังรอวันเบ่งบาน หาใช่ฝีมือใครอื่น หากเป็นเธอนั่นแหละที่ช่วยผสมเกสรจากการดื่มน้ำหวานของเธอ ฉันมิได้เบ่งบานเพื่อเธอ แต่ฉันเบ่งบานเพราะเธอ”

แต่คำรำพันของดอกไม้ไม่มีเสียง มันจึงไหวหวิวและเงียบงันในธารเวลา นานชั่วลมเหมันต์ผ่านพ้น มวลบุปผาในสวนน้อยก็เหี่ยวแห้งลงทั้งหมด เหลือเพียงเศษซากดอกไม้ที่รอวันย่อยเป็นปุ๋ยดิน ผึ้งหนุ่มเคยบินผ่านที่แห่งนี้ครั้งหรือสองครั้ง แต่ไม่อาจระลึกได้แม้สักเสี้ยววินาทีว่าที่นี่คือสวนดอกไม้น้อยที่ตนเคยอาศัย

*ขอบคุณภาพประกอบจาก www.fotosearch.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น