วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

เธอ/ฉันฆ่าเธอ

ฉันลืมตามาเพื่อที่จะพบว่า มือฉันกำอยู่ที่มีดเล่มนั้น มันปักอกเธอแน่นจนขยับไม่ได้ เช่นเดียวกับเธอผู้ไร้ลมหายใจที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดฉัน
"ฉันฆ่าเธอ... ฉันฆ่าเธอ..." ครวญคร่ำอยู่เช่นนั้นราวกับคนเสียสติ กอดร่างเธอไว้แน่น
ปิดประตูดังปัง! เธอกลับมาพร้อมกับข้าวถุงใหญ่ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอจัดสำรับบนโต๊ะอาหาร ปล่อยให้ฉันร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
"ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว มากินข้าวกันเร็ว" เธอร้องเรียกด้วยเสียงแจ่มใสซ้ำอยู่สองสามครั้ง เมื่อเห็นฉันไม่ตอบรับ เธอจึงเดินมากอดฉันแน่น หอมแก้มฉันครั้งหนึ่ง
"เป็นอะไรไปฮึ มากินข้าวได้แล้ว" เสียงเธอยังหวานใสเช่นเคย ทั้งที่เธออยู่ในอ้อมกอดฉัน มีดปักอยู่อย่างนั้น ร่างจมกองเลือด "กับข้าววันนี้ซื้อมาจากร้านโปรดของเรา รีบมากินเถอะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นชืดหมดนะ"
เมื่อเห็นฉันไม่ขยับ เธอจึงฉุดกระชากลากถูฉันมานั่งเก้าอี้ราวกับฉันเป็นเด็กดื้อที่ไม่ยอมมากินข้าวตามคำสั่งแม่
"ฉันจะกินข้าวได้อย่างไร ฉันฆ่าเธอไปแล้ว" ฉันร้องทั้งน้ำตา
"ฉันยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย" เธอส่งยิ้มให้ฉัน ตักข้าวเข้าปาก "กินข้าวได้ด้วย"
ฉันโผเข้าไปกอดเธอ "ฉันขอโทษ ฉันฆ่าเธอ ฉันฆ่าเธอ ฉันฆ่าเธอไปแล้ว ฉันขอโทษ..."
"ที่เธอฆ่าไปนั่นเป็นฉันจริง ๆ เหรอ?" เธอถามฉันก่อนจะหัวเราะ แต่เมื่อเห็นฉันเอาแต่ตื่นตะลึงจนไม่ได้ตอบคำถามนั้น เธอก็ยักไหล่ไม่รู้ร้อน "ฮื่อ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก รีบกินข้าวเถอะ"

๒๙/๐๙/๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

รับกวีไปเลี้ยงไว้สนไหมครับ!

คุณคนสวย...

๏ รับกวีไปเลี้ยงไว้สนไหมครับ
ใช้ประดับให้บ้านหรูดูไม่เหงา
เลี้ยงไว้กล่อมเพลงเห่เท่ไม่เบา
ด้วยราคาย่อมเยาเท่าเลี้ยงแมว

๏ เพียงข้าวคลุกปลาทูก็อยู่ได้
ช่วยงานบ้านดั่งใจเหมือนยัยแจ๋ว
แถมทำตัวไม่เหมือนใครคล้ายเด็กแนว
ได้เลี้ยงแล้วจะติดใจไม่ลืมเลือน

๏ ลองมีแฟนเป็นกวีสักทีไหม
จะเขียนกลอนอ้อนหัวใจหาใครเหมือน
จะกล่อมนอนด้วยเพลงดาวพราวแสงเดือน
ควงอวดเพื่อนไม่ต้องอายคล้ายดารา

๏ ถ้าช้าหมดอดนะรีบรีบหน่อย
หนุ่มกวีนั้นมีน้อยไม่คอยท่า
เข้าข่ายสูญพันธุ์แล้วนะแก้วตา
รีบจับจองเถิดหนาอย่างงงวย

๏ รับกวีไปเลี้ยงไว้เอาไหมครับ
ไว้ประดับบ้านหรูคู่คนสวย
เผื่อฟลุกได้ซีไรต์เมื่อไหร่, รวย!
คุณจะช่วยรับเลี้ยงไว้ได้ไหมครับ! ๚ะ๛


๒๗ กันยายน ๒๕๕๕

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

เขิน

๏ แน่ะ! เธอมาจากไหนไม่รู้ตัว
ใจเต้นรัวไปแล้วถึงไหนไหน
เธอพุ่งจู่โจมเข้ากลางใจ
จนฉันหลบไม่ได้รับไม่ทัน

๏ ขี้โกงเห็นเห็นเล่นทีเผลอ
จู่จู่เธอก็ยิ้มให้เหมือนในฝัน
ทั้งที่เราไม่รู้จักมักจี่กัน
ด้วยยิ้มนั้นฉันเกือบตาย, เธอร้ายนัก

๏ เพราะมิได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน
แก้มเลยร้อนผ่าวผ่าวเพราะเขินหนัก
ใจก็ลั่นเป็นกลองเพลไม่ยอมพัก
เถิดเลิกยิ้มน่ารัก, ขอสักที!

๏ ยิ้มใสใสแถมมองหน้าตาแป๋วแหว๋ว
ใจฉันติดปีกแล้วก็บินหนี
เกินจะตามกลับคืนแล้วคนดี
วันนี้ต้องปล่อยให้ใจละเมอ

๏ ฝากไว้ก่อนเถอะนะ, แค้นวันนี้
เธอจู่โจมตอนที่ฉันมัวเผลอ
วันหลังเถอะ, วันหลังถ้าได้เจอ
ประเดี๋ยวจะเขวี้ยงเธอด้วยเบอร์โทร! ๚ะ๛

"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๖ กันยายน ๒๕๕๕

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ดอกไม้

ดอกไม้ที่ฉันให้ ไม่จำเป็นว่าต้องไปปักแจกัน
แค่เหลียวมองมันบ้างเท่านั้น
และพรมน้ำบ้างเมื่อมันเริ่มเหี่ยวแห้ง
อาจดูมากเกินไปสำหรับคำร้องขอ

มันมิใช่ดอกไม้พลาสติก ที่คนสมัยนี้นิยมมอบให้แก่กัน
ดอกไม้พลาสติกไม่ต้องการปุ๋ยและน้ำเพื่อเติบโต
ดอกไม้ของฉันอาจต้องการ แต่ไม่ได้เรียกร้อง
ให้ไปแล้วก็สุดแท้แต่เธอจะปรานี
มันจะงอกงามหรือโรยราไปตามอายุขัย
ก็แล้วแต่เจ้าของ, ซึ่งไม่ใช่ฉันแล้ว

เรื่องเศร้าซึ่งไม่ใช่เรื่องของฉันกลับกลายเป็นว่า
ดอกไม้ที่โรยราลงต่อหน้าเธอ
นั่นคือดอกไม้ดอกสุดท้ายที่ฉันมี


๒๓/๐๙/๒๕๕๔

ก็ช่างเธอ

๏ เขามันเลวระยำ, เธอพร่ำบ่น
เขามันเลวเกินคน, เธอบอกฉัน
นับหมื่นร้อยที่คอยพร่ำคอยจำนรรจ์
ถึงความเลวของเขานั้นให้ฉันฟัง

๏ เขาโกหกจนติดเป็นนิสัย
เธอแกล้งลืมทุกเรื่องไว้แต่หนหลัง
เขาชอบผิดสัญญาทุกคราครั้ง
เธอก็ยังนิ่งเฉยไม่เคยจำ

๏ เขาตะคอกวันที่เธอเผลอร้องไห้
เธอทนได้แม้ต้องฝืนคอยกลืนกล้ำ
กี่ครั้งที่เขานอกใจให้เจ็บช้ำ
เธอก็ทำไม่สนใจไม่รู้ร้อน

๏ เขาทำเธอเสียน้ำตามากี่ครั้ง
เธอก็ยังให้อภัยเขาไปก่อน
เขาทำเหมือนไม่มีใจไม่อาทร
ใจเธอกลับอาวรณ์ทุกข์ร้อนฤดี

๏ จะให้ฉันทำอย่างไรได้อีกเล่า
เธอยังคงกอดเขาไม่เคยหนี
เธอบอกฉันให้ช่วยเธอ, ช่วยเธอที
จะเลิกรักคนอย่างนี้ได้อย่างไร

๏ ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอกคนดี
เมื่อเธอเป็นเช่นนี้จะทำไฉน
เขาแสนเลวเธอก็รัก, รักหมดใจ
(อยากจะรักคนจัญไร... ก็ช่างเธอ) ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๓/๐๙/๒๕๕๔

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

ท้อเป็นถ่าน, ผ่านเป็นเพชร

๏ เชิญเหยียบย่ำเถิดหนาถ้าอยากย่ำ
จะเหยียบซ้ำเท่าไหร่ไม่สิ้นหวัง
ฉันมิเคยแค้นเคียดหรือเกลียดชัง
ตราบพลังแห่งหัวใจยังไม่ลด

๏ "นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น
เรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏ
ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด
เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ"
*

๏ เถิดหยุดลมหายใจข้าฯ, ถ้าอยากหยุด
มิอาจฉุดรั้งใจให้หวนกลับ
"หากชนะ, ราชบัลลังก์ยังรอรับ
หากชีพดับ, ประตูสวรรค์พลันเปิดรอ"
**

๏ ฉันจะก้าวเดินไปด้วยใจมั่น
จะดับฝันสักกี่ฝันจะไปต่อ
เมื่อความหวังยังเปล่งเสียงก็เพียงพอ
เพราะว่า "ท้อเป็นถ่าน, ผ่านเป็นเพชร!"*** ๚ะ๛


วุฒินันท์ ชัยศรี
๑๙ กันยายน ๒๕๕๕

______________
* จากบทกวี "เพียงความเคลื่อนไหว"
** ดัดแปลงจากโศลกบทหนึ่งในภควัทคีตา
"หากถูกฆ่า ท่านก็จะได้เสวยสวรรค์
ถ้าชนะก็จะได้ครองแผ่นดินโลก
ฉะนั้น จงลุกขึ้นทำความตกลงใจที่จะรบเถิด
กุนตีบุตร!"
(บทที่ ๓๗ อัธยายที่ ๒ สางขยะโยค จาก ศรีมัทภควัทคีตา ฉบับแปลของ ศาสตราจารย์ ร.ต.ท. แสง มนวิทูร)
*** จากชื่อหนังสือ "ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร" ของสำนักพิมพ์เพื่อนใจ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

เรื่องราวของฉันกับนักหยุดเวลาผู้ไม่เคยหยุดเวลา

(1.)

แล้วฉันก็พบบางสิ่งบางอย่างในลิ้นชักดิจิตอล

ใครบางคนหยุดเวลาของสองเราไว้ตรงนั้น

ฉันคิดว่าเธออาจจะจำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เธอเชื่อไหม ฉันจำมันได้ทั้งหมด ทั้งอารมณ์ความรู้สึก ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น บทสนทนาอันบางเบา ใครเป็นคนที่อยู่หลังกล้องนั้น

แต่ฉันไม่เคยบันทึกมันไว้, ไม่สิ ตอนนั้นฉันอาจไม่จำเป็นต้องบันทึกมัน เพราะฉันไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องสูญเสียเธอไป เปล่า, ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีทางสูญเสียเธอไป ฉันแค่รู้สึกว่าฉันจะไม่สูญเสีย อาจเป็นเพราะฉันวางระยะห่างของเราให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมเสมอ นับแต่แรกเริ่มและตลอดมา

ฉันไม่เคยใกล้เธอมากพอที่จะรู้ถึงบางสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

(2.)

ฉันดีใจนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้รับรู้ว่าเธอเป็น "นักหยุดเวลา"

นักหยุดเวลาในความหมายของฉัน พวกเขามีพลังพิเศษที่จะหยุดเสี้ยวเวลาหนึ่งให้เป็นอมตะ เก็บเสี้ยววินาทีที่อาจไร้ค่า หรือเป็นเสี้ยววินาทีที่อาจจะไม่พบในเสี้ยววินาทีไหนอีกแล้ว

วินาทีที่เสียง "แชะ" ดังขึ้น เธอก็หยุดเสี้ยววินาทีหนึ่งของโลกใบนี้ไว้, วินาทีที่เสียง "แชะ" ดังขึ้น เธอก็หยุดเสี้ยววินาทีของรอยยิ้มใครคนหนึ่งไว้ยาวนานนับนิรันดร์ เสี้ยววินาทีนั้นยาวนานจนกว่าเธอเองปรารถนาจะลบเลือน

แน่นอน, ฉันดีใจที่เธอเป็นนักหยุดเวลา

แต่บางครั้ง, บางเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ฉันรู้สึกเสียใจ, เธอเป็นนักหยุดเวลาช้าเกินไป...

(3.)

ฉันไม่เคยเป็นนักหยุดเวลา

สิ่งดีที่สุดที่ฉันทำได้คือการสะกดห้วงเวลาให้อยู่นิ่ง ฉันไม่อาจหยุดเวลาได้อย่างสัมบูรณ์เช่นเธอ หากกรงสะกดเวลาของเธอคือเสี้ยววินาที กรงของฉันใหญ่กว่านั้นมาก

นั่นทำให้ฉันเก็บได้เพียงห้วงเวลาบางส่วน มันอาจเชื่อมโยงได้ในระยะเวลาที่สัมพัทธ์กัน แต่ที่สุดแล้ว แต่ละห้วงเวลาต่างก็เป็นเอกเทศต่อกัน

แม้ว่าทุกห้วงเวลา มีเรื่องราวของเธอบรรจุอยู่เต็ม แต่มันก็จะเป็นเพียงความทรงจำขาดวิ่นไม่ปะติดปะต่อ ยกเว้นแต่ฉันที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน ต่อเนื่องกัน และเป็นนิรันดร์ในใจฉัน

ฉันเสียใจที่ฉันไม่ใช่นักหยุดเวลา ทั้งที่ความคิดและความรู้สึกทั้งหมดของฉันหยุดอยู่ที่ตรงนั้น จุดที่กาลเวลาไม่อาจหวนกลับ หากฉันเป็นนักหยุดเวลา ฉันอาจจะสะกดเสี้ยววินาทีนั้นไว้ได้ ฉันอาจจะพบว่าในเสี้ยววินาทีนั้นฉันมีความรู้สึกมากเพียงใด

แต่ฉันไม่ใช่นักหยุดเวลา ดังนั้นห้วงเวลาที่ฉันพยายามสะกดไว้ มันกลับค่อย ๆ ขยายขึ้น และความรู้สึกก็ทบทวีรุนแรง บางครั้งเวลาที่ฉันคิดถึงห้วงเวลานั้น ฉันเสียน้ำตา

(4.)

เธอเป็นนักหยุดเวลาในวันที่เสี้ยววินาทีนั้นเลยผ่านไปนานแล้ว มันจึงไม่มีหลักฐานในเสี้ยววินาทีนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

เฉพาะเรื่องของเราสองคน เวลาสำหรับเธอจึงเดินไปข้างหน้า เธอมีภาระที่ต้องหยุดเวลารออยู่ข้างหน้ามากมาย สำหรับนักหยุดเวลา เสี้ยววินาทีที่รออยู่ข้างหน้ามีความหมายกว่าการหวนกลับไปบันทึกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไปแล้ว เพราะมันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

มีก็แต่นักสะกดห้วงเวลาอย่างฉันที่ยังจมจ่อมอยู่กับเรื่องเก่า ๆ นักสะกดห้วงเวลาอย่างฉันยังคงเขียนถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านไปแล้ว มันอาจออกมาเป็นบทกวีนับร้อยบท เรื่องสั้นนับพันเรื่อง หรือนวนิยายนับหมื่นเล่ม เพียงเพราะฉันหยุดเวลาเสี้ยววินาทีนั้นไม่ได้

(5.)

อีกครั้งที่ฉันมองบางสิ่งในลิ้นชักดิจิตอล

ใครบางคนหยุดเวลาของสองเราไว้ตรงนั้น

มีเพียงเราสองคน, ฉันยิ้ม, เธอยิ้ม, ใครบางคนหยุดเวลานั้นไว้ ใครบางคนที่ไม่รู้ว่าเสี้ยววินาทีที่เขาหยุดเวลานั้นไว้ เมื่อผ่านมาห้าปี มันจะทำให้หนึ่งในสองคนในภาพต้องเสียน้ำตา

เราสองคนนั่งห่างกันพอสมควร นั่นแหละ, ฉันวางระยะห่างของเราให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมเสมอ ฉันจึงไม่เคยรู้สึกว่าฉันจะสูญเสียเธอ นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีนั้นจนถึงวินาทีนี้ แต่ฉันก็หาเหตุผลไม่ได้เลยว่า ทำไมวันนี้ฉันต้องมีน้ำตา

หรือเป็นเพราะครั้งหนึ่ง, เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันสูญเสียระยะห่างนั้นอย่างไม่ตั้งใจ จึงทำให้ฉันรับรู้ถึงบางสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต นึกย้อนกลับไปยังเสี้ยววินาทีที่ใครบางคนหยุดเวลาของสองเราไว้ตรงนั้น บางทีเสี้ยววินาทีที่ไม่อาจหวนกลับ ฉันอาจจะคิดผิด เสี้ยววินาทีนั้นอาจเป็นเสี้ยววินาทีที่มีความหมายที่สุดในชีวิตฉัน เพียงแค่ฉันขยับเข้าใกล้เธออีกเพียงนิดเดียว

ใกล้เธอมากพอที่จะรับรู้เสียงของหัวใจตนเองว่า นอกจากเธอ, นักหยุดเวลาผู้ไม่เคยหยุดเวลาของสองเรา, ฉันรักใครมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว


วุฒินันท์ ชัยศรี
11 กันยายน 2554

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

บางบทบันทึกถึงเจ้าแมวสีฟ้า

1. เจ้าแมวสีฟ้า

น่าแปลกที่เมื่อวานฉันฝันถึงนาย-เจ้าแมวสีฟ้า มีคนบอกมาว่าอันที่จริงตัวนายไม่ใช่สีฟ้า เดิมทีนายเป็นเจ้าแมวสีเหลือง แต่นายกลายเป็นสีฟ้าด้วยความโศกเศร้าหดหู่ เช่นนั้นนายก็เป็นแมวแห่งความเศร้า ในบางขณะฉันก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้-นายเป็นแมวแห่งความเศร้า แต่นั่นไม่ใช่ตอนที่ฉันเริ่มรู้จักนาย

เมื่อแรกเริ่มรู้จักนาย ฉันเรียกนายว่าแมวแห่งความฝัน จะไม่ให้ฉันเรียกอย่างนั้นได้อย่างไร ก็นายเล่นโผล่ออกมาจากลิ้นชัก บอกฉันว่านายเป็นหุ่นยนต์แมวจากอนาคต พร้อมทั้งนำเอาของวิเศษมากมายออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก ๆ นายควักเอาอัลบั้มรูปถ่ายในอนาคตของเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้นออกมาให้เขาดู บอกเขาว่านายจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กชายคนนั้น แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เด็กชายคนนั้นก็ยังเป็นเด็กชายที่ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แต่ฉันก็ยังอิจฉาเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะเขาได้ใช้งานของวิเศษมากมายของนายหรอกนะ แต่ฉันอิจฉาเพราะเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้นมีเพื่อนที่แสนดีอย่างนาย

แม้นายไม่มีตัวตนให้ฉันจับต้องได้ แต่นายก็มีชีวิตอยู่ในความฝันของฉันเสมอ-เจ้าแมวสีฟ้า ในความฝันนายพาฉันไปไกลถึงสุดขอบฟ้า บางคราดำดิ่งลงสู่มหาสมุทร บางครั้งย้อนเวลาไปยังยุคโบราณ ฉันขำทุกครั้งเมื่อถึงคราวจวนตัว นายดูพึ่งพาไม่ได้เอาเสียเลย (ฉันสงสัยมานานแล้วว่านายเอาของจำพวกถ้วยถังกาละมังหม้อใส่ไว้ในกระเป๋ามิติที่สี่ทำไม เห็นนายคว้าออกมาจากกระเป๋าตอนลนลานอยู่เสมอ) แต่สุดท้ายนายก็พาพวกเราผ่านเรื่องร้ายมาได้เสมอ

แต่แล้ววันหนึ่งนายก็หายไปจากชีวิตฉัน

ฉันไม่รู้เหตุผลที่นายหายไป นายไม่มีแม้คำร่ำลาบอกกล่าว หรืออันที่จริงเป็นฉันต่างหากที่หายไปจากชีวิตนาย ฉันไม่รู้เลยว่าใครเป็นฝ่ายหายไปจากใคร พอรู้ตัวอีกทีนายก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันอีกแล้ว นายไม่มีตัวตนแม้แต่ในความฝันของฉันเอง บางครั้งฉันสงสัยว่าของวิเศษแบบนี้จะมีไหมนะ-เครื่องริบสิทธิ์ที่จะฝันถึงนาย-แล้วนายเผลอแบ่งให้พวกผู้ใหญ่ใช้หรือเปล่านะ

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ฉันรับเอานายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนเมื่อนายหายไป ฉันจึงรู้สึกว่าหัวใจของฉันมีรูโหว่ขนาดใหญ่ที่ไม่มีวันถมเต็ม แม้ว่าฉันจะพยายามดิ้นรนเท่าไหร่ แต่นายก็ไม่เคยกลับมาในความฝัน นับจากวันนั้นวัยเด็กของฉันจึงพลัดหลงไปพร้อมกับการเลิกฝันถึงนาย และเป็นวันเดียวกับที่ฉันเรียกนายว่า-แมวแห่งความเศร้า

2. ไฟฉายย่อส่วน

เมื่อก่อนโลกที่ฉันอยู่ดูกว้างใหญ่ไพศาล โรงเรียนของฉันอาจไม่มีภูเขาหลังโรงเรียนเหมือนเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้น แต่ฉันก็มีบ่อน้ำหลังโรงเรียนที่เป็นเสมือนพื้นที่ผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของฉัน นายเคยเห็นไหมเล่า มันมีทั้งบ่อน้ำและป่ารกชัฏอันแสนลึกลับกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บางทีคงต้องขอยืมคอปเตอร์ไม้ไผ่ของนายมาบินสำรวจถึงจะรู้ทางทั้งหมด ฉันเคยฝันว่าจะให้นายพามาสำรวจที่นี่ แต่จนแล้วจนรอดเราก็ไม่เคยมาผจญภัยที่นี่ด้วยกันเลย

วันที่ฉันเลิกฝันถึงนาย ฉันกลับไปที่โรงเรียน กลับไปสำรวจพื้นที่ผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของฉัน กลับพบเพียงแค่บ่อน้ำเล็ก ๆ และป่ารกนั่นก็เดินเพียงชั่วอึดใจก็ทะลุถึงถนนใหญ่ ไม่รู้ว่าใครลักพาเอาพื้นที่อันไพศาลของฉันหนีไป เช่นเดียวกับที่ฉันได้รู้ว่าโลกใบที่กำลังยืนอยู่นี้เล็กลงเรื่อย ๆ ทำไมทุกสิ่งไม่ยิ่งใหญ่เหมือนโลกที่นายเคยพาฉันไปผจญภัย ทำไมพื้นที่ผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของฉันถูกกำหนดไว้ในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ซึ่งกางกั้นอาณาเขตไว้แค่หลังอาคารเรียนจนถึงสุดขอบถนน

และนายก็อยู่แต่ในกระดาษซึ่งบางหน้าก็ขาดวิ่น

ก่อนหน้านี้ฉันสงสารเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้น เขาช่างเป็นคนที่ล้มเหลวในทุก ๆ ด้าน เว้นแต่การยิงปืนและพันด้ายซึ่งดูไร้สาระเสียเต็มประดา แต่นายรู้ไหม นับจากวันที่ฉันเลิกฝันถึงนาย นับตั้งแต่ที่นายหายไปจากชีวิตของฉัน ฉันกลับกลายเป็นเด็กชายไม่ได้เรื่องคนนั้น ฉันกลายเป็นคนที่ล้มเหลวในทุก ๆ ด้าน และเพ้อฝันถึงแต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พื้นที่แห่งการผจญภัยในวัยเด็กก็ถูกย่อส่วนลงเหลือเป็นเพียงความฝันอันกลวงเปล่า

ผิดกันแต่ว่าในวันที่ฉันสิ้นไร้หนทาง ไม่มีนายโผล่ออกมาจากลิ้นชักเพื่อช่วยประคับประคองชีวิตฉัน

จากวันที่ฉันเลิกฝันถึงนาย ตอนนี้ฉันโตขึ้นมาเป็นคนธรรมดาซึ่งมีคำพูดติดปากว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก" -คนแบบที่ฉันเกลียดนักเกลียดหนาในวัยเด็ก คนที่ถูกกักขังในกรงซึ่งเอื้อมไม่ถึงจินตนาการ บางทีฉันนึกสงสัยขึ้นมาครามครัน หรือจะมีไฟฉายซึ่งจะย่อส่วนความฝันอันยิ่งใหญ่ให้เหลือเพียงเศษธุลี

นายก็รู้ว่าดวงตาของฉันก็เป็นดวงตาดวงเดิม แต่พื้นที่ผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของฉันกลับไม่เหมือนเดิม ฉันอยากรู้แค่เพียงว่านายใช้ไฟฉายย่อส่วนของนายฉายเข้ามาที่บ่อน้ำหลังโรงเรียน หรือในใจฉันกันแน่

3. ไทม์แมชชีน

หากฉันได้รับอนุญาตให้ใช้ไทม์แมชชีนเพียงหนึ่งครั้ง ฉันอาจต้องเลือกระหว่างการย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก เพื่อไม่ให้ฉันตอนเด็กรู้จักนาย-เจ้าแมวแห่งความฝัน หรือการเดินทางไปในอนาคตอีกหนึ่งร้อยปีเพื่อที่จะรู้ความจริงว่านายเกิดวันนี้จริงหรือไม่ ซึ่งอันที่จริงฉันอาจจะไม่กล้าพอที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง หรือปฏิเสธทั้งสองทาง

หากฉันไม่รู้จักนายตอนเด็ก ๆ จะเป็นอย่างไรเล่าหากเด็กคนหนึ่งไม่เชื่อว่าไม้ไผ่ชิ้นเล็ก ๆ จะทำให้คนเราบินบนท้องฟ้า และพื้นที่ผจญภัยอันกว้างใหญ่ก็เป็นแค่ภาพลวงตาในหน้ากระดาษ หรือหากฉันเดินทางไปในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไรหากฉันพบว่าเจ้าแมวสีฟ้าที่มีตัวตนอยู่ในความฝันของฉันเสมอมาไม่มีอยู่จริง

มันจะทำให้ฉันบินไม่ได้ด้วยไม้ไผ่ชิ้นเล็ก ๆ ผ้าคลุมนั้นก็มิอาจย้อนเวลาให้ของเก่ากลับดูใหม่ ดินสอคอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นดินสอธรรมดาซึ่งนำพาศูนย์คะแนนมาให้คนที่ไม่ยอมอ่านหนังสืออย่างฉัน การพูดภาษาอื่นเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนกันหลายปีไม่ใช่แค่กินวุ้น และประตูไปไหนก็ได้ของฉันคงต้องปิดตายนิรันดร์

ไทม์แมชชีนอาจทำให้ฉันเดินทางย้อนเวลาหรือไปในอนาคตอันห่างไกล กระนั้นไม่ว่าเวลาจะย้อนคืนหรือเดินทางไปข้างหน้า มีแต่ความจริงเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยน-ความจริงซึ่งฉันไม่เคยรักมันเลย แต่มันกลับอยู่ข้าง ๆ ฉันแทนที่จะเป็นนาย นับแต่วันที่ฉันเลิกฝันถึงนาย

นายอยู่ที่ไหนนะเจ้าแมวสีฟ้า ทำไมนายไม่เคยกลับมาหาฉันอีกเลย นายลืมเจ้าเด็กไม่ได้เรื่องที่นายต้องดูแลไปแล้วหรือ ฉันซึ่งเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องในโลกที่ถูกย่อส่วนนี่เล่า นายก็ไม่เคยมาคอยปลอบโยนในความฝันเหมือนที่เคยทำมา นายหายตัวไปจากความฝันของฉัน และโลกความจริงที่ฉันอาศัยอยู่ก็เชื่อมโยงไม่ถึงโลกซึ่งนายเคยมีตัวตน หากฉันมีอายุยืนยาวนับจากนี้อีกร้อยปี ฉันจะได้พบนายบนโลกใบเดียวกันไหม

4. แมวแห่งความฝัน

ฉันบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเมื่อวานฉันฝันถึงนาย-เจ้าแมวสีฟ้า ทันทีที่ลืมตาตื่นจากฝัน ฉันเห็นใบหน้าของนายนอนแอ้งแม้งอยู่ข้าง ๆ มันเป็นหมอนรูปใบหน้านายซึ่งมีคนซื้อมาให้ในวันเกิดปีนึงของฉันด้วยเหตุผลว่าฉันหน้ากลม ๆ เหมือนนายดี (คนที่ซื้อหมอนหรือตุ๊กตารูปนายมาให้ฉันก็มักจะใช้เหตุผลนี้เสมอ คือฉันดูอ้วนกลมปุ๊กลุกเหมือนนาย) น่าแปลกที่ฉันมองเห็นหน้านายทุกเช้าตอนตื่นและทุกคืนก่อนนอน แต่ฉันไม่เคยฝันถึงนายมาหลายปีแล้ว

นึกทบทวนความฝันอีกครั้ง ฉันจำไม่ได้เลยว่านายมาปรากฏตัวในลักษณาการใด หรือนายพาฉันไปผจญภัยที่ไหน นายใช้ของวิเศษชิ้นใดในความฝัน นายมาคนเดียว มากับน้องสาว หรือมากับเด็กไม่ได้เรื่องและผองเพื่อนของเขา -ไม่มีอะไรตกค้างในความทรงจำของฉัน มีเพียงแต่นาย-เจ้าแมวสีฟ้า สีฟ้าของนายอาจหมายถึงความเศร้าที่ต้องสูญเสียหูสองข้างให้หนูตัวร้าย แต่ฉันคิดว่าบางทีท้องฟ้าก็ให้ความหวังแก่ผู้คนที่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองมากกว่าจะมองแล้วหดหู่

ฉันเคยคิดว่าความทรงจำอันแจ่มชัดของฉันที่มีต่อนายนั้นมีแต่ความโศกเศร้าโศกาอาดูรในตอนที่นายหายไปจากชีวิตของฉันเท่านั้น และฉันจะต้องลืมว่านายเคยมีตัวตนในความฝันของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่อันที่จริงฉันลืมไปว่า นายคือความหวังและความฝัน ซึ่งฉันเผลอทำหล่นหายไปในบางขณะเท่านั้น แท้จริงแล้วนายยังมีชีวิตอยู่ไม่เพียงแต่ในความฝัน แต่อยู่กับฉันมาตลอดทั้งชีวิตต่างหาก

ฉันมองท้องฟ้า ด้วยหวังว่าจะมีแมวสีฟ้าตัวอ้วน ๆ ติดคอปเตอร์ไม้ไผ่บินผ่านฉันไป ฉันมองประตูหน้าห้องแล้วคิดว่าจะน่าตื่นเต้นเพียงไรหากมีหุ่นยนต์แมวตัวกลม ๆ เปิดประตูผ่านมิติมาจากอีกประเทศหนึ่ง ฉันมองลิ้นชักที่ไม่มีอะไรนอกจากหนังสือเก่า ๆ และดินสอยางลบวางระเกะระกะ ก็หวังเพียงว่าจะมีใครสักคนโผล่หน้ากลม ๆ มาเตือนว่า "นายลืมทำการบ้านอีกแล้วนะ"

แม้ว่าทุกอย่างไม่เคยเป็นความจริง แต่ด้วยความหวัง ความฝัน และห้วงคำนึงที่มีต่อนายมิใช่หรือที่ทำให้ลมหายใจของฉันยังคงมีค่า มิใช่คนสิ้นไร้ความหวังที่ใช้ชีวิตอย่างคนที่ตายไปแล้ว

ฉันดีใจที่ฝันถึงนายอีกครั้ง-เจ้าแมวสีฟ้า นั่นทำให้ฉันรู้ว่าที่จริงแล้วนายยังคงอยู่กับฉันเสมอมา และฉันเพียงแค่หลงลืมนายไปในบางเวลาเท่านั้น

5. 12/9/3

ปีสองพันสิบสอง เดือนเก้า วันที่สาม หรือ 12/9/3 (ตัวเลขนี้น่าประหลาดดี ก็น้ำหนัก/ส่วนสูง/สัดส่วนรอบหัว เอว หน้าอก/เส้นผ่านศูนย์กลางฝ่าเท้า/ความเร็ว/การกระโดด/พละกำลัง ของนายล้วนแต่วัดออกมาได้ 129.3 ทั้งนั้นนี่นะ) นับจากนี้อีกหนึ่งร้อยปีนายจะถือกำเนิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นฉันอาจเป็นผงธุลีปลิวหล่นอยู่ที่ไหนสักที่ และห้วงคำนึงที่มีต่อนายก็เป็นเพียงสายลมบางเบาเท่านั้น

ไม่รู้ว่าอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า นายจะมีตัวตนอยู่จริงไหม แต่ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว เพราะสิ่งที่แจ่มชัดในความทรงจำของฉันไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่านายเป็นหุ่นยนต์แมวตัวอ้วนกลมน่ากอดที่มีของวิเศษน่าตื่นตาตื่นใจ แต่คือการเป็นเพื่อนรักในวัยเยาว์ที่ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของฉันมีความหมายมากกว่าที่เคยเป็นมา

ฉันเชื่อว่าในหัวใจของผู้คนทั่วโลก นายยังคงมีตัวตนอยู่เสมอ และหากมีเด็กสักคนอยากบินบนท้องฟ้า นายก็คงพูดว่า "ไฮ้ ทาเคะคอปตา" และยื่นคอปเตอร์ไม้ไผ่ให้โดยไม่ลังเล



วุฒินันท์ ชัยศรี
3 กันยายน ค.ศ. 2012
นับถอยหลังอีกหนึ่งร้อยปีจะถึงวันเกิดของโดราเอมอน

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

วันที่ฉันเสียเธอให้แก่บทกวี

วันที่ฉันเสียเธอให้แก่บทกวี
สิ่งเดียวที่ฉันทำได้มีเพียงเขียนบทกวีอีกหนึ่งบท
เพื่อบันทึกทุกห้วงความรู้สึกในวันที่ฉันเสียเธอให้แก่บทกวี
ฉันเสียเธอให้แก่บทกวีเพียงเพื่อเขียนบทกวีในวันที่ฉันเสียเธอให้แก่บทกวี
ที่สุดแล้วมันไม่มีอะไรเลยนอกเสียจาก
กระดาษเปื้อนเปรอะน้ำตา เหลือหยดหมึกเพียงด่างดวง
และความหมายอันกลวงเปล่า
เป็นเพียงความทรงจำอันเลอะเลือนของถ้อยคำ
ซึ่งพยายามจะบันทึกปริมาตรไร้รูปของความปวดร้าวอย่างน่าสมเพช
โดยแสร้งทำเป็นไม่แยแสกับการเสียเธอให้แก่---
บทกวีซึ่งฉันเคยเขียน, และกำลังเขียนขึ้น
อันจะเป็นอนุสาวรีย์แห่งความขลาดเขลา
และจดจารความโง่งมอันเป็นนิรันดร์ของฉัน
ซึ่งยอมสูญเสียเธอเพียงเพื่อเขียนบทกวี---
ในวันที่ฉันเสียเธอให้แก่บทกวี


๒ กันยายน ๒๕๕๕