วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เปราะบาง (๒)

๏ แล้วเพลง "เปราะบาง" ก็แว่วมา
และแล้วน้ำตาก็เริ่มไหล
ทั้งที่คิดว่าเข้มแข็งแล้วนะใจ
เหตุใดจึงร้องไห้ง่ายเพียงนี้

๏ ฉันคงเป็นคนอ่อนแอ
คนขี้แพ้ผู้อ่อนไหวไร้ศักดิ์ศรี
เสียใจก็ร้องไห้ทุกที
แล้วก็เขียนบทกวีปลอบใจตน

๏ เขียนถึงรักที่จากไปไม่หวนกลับ
เขียนถึงรักที่แตกดับใจสับสน
วกวน,วกวน,วกวน
อยู่กับใครบางคนที่คุ้นเคย

๏ เพียงคำไม่กี่คำคอยเข่นฆ่า
ความปวดร้าวจากแววตาที่ชาเฉย
เจ็บซ้ำซ้ำเกินทนไหวนะใจเอย
จะเฉยเมยให้ทรมานนานเท่าใด

๏ แล้วเพลง "เปราะบาง" ก็แว่วมา
และแล้วน้ำตาก็เริ่มไหล
เปราะบางเหลือเกินนะหัวใจ
เพียงเพราะใครที่ไม่มีแม้คำลา

"ร่องรอยจากคำไม่กี่คำยังทำให้ปวดร้าว แค่เพียงแววตาที่ว่างเปล่ายังทำให้มีน้ำตา
ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน ไม่รู้เมื่อไหร่จะเข้มแข็งพอ..."* ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๑/๑๒/๒๕๕๓

*เพลง เปราะบาง ของ Bodyslam

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทัณฑ์เงียบ (จบ)

แล้วความเงียบก็รื้อทำลายตัวมันเอง
เพียงเพื่อทำให้ทัณฑ์เงียบงดงามกว่าเดิม

ที่นั่น, เขาฟังถ้อยคำอย่างตื่นเต้น, ราวกับเด็กน้อยพบของเล่นชิ้นใหม่แสนถูกใจ
เขาคิดว่านั่นเป็นถ้อยคำแรกที่เขาจะได้รับรู้
เมื่อฟังจบ, เขาจึงพบว่า นั่นคือถ้อยคำสุดท้ายที่เขาจะได้รับรู้

คำเพียงไม่กี่คำ
ได้เติมเต็มบทกวีให้สมบูรณ์นิรันดร์ด้วยความว่างเปล่า





๑๗/๑๒/๒๕๕๓

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทัณฑ์เงียบ (๕): ยินยอม

แล้วก็ถึงวันที่ฉันควรจะคิดถึงเธอ
ทั้งที่ฉันไม่มีสิทธิ์แม้เพียงคิดถึงเธอ
เธอเป็นเหมือนฤดูฝนที่ไม่มีวันมาถึง
และเพียงพอสำหรับการงอกงามของดอกไม้แห่งความหวัง

เพราะโคลเวอร์สี่กลีบคือสัญลักษณ์แห่งโชคดี
ฉันจึงเป็นเพียงก้านไร้ใบอันเหี่ยวแห้งโรยราของโคลเวอร์
ซ้ำยังจมอยู่ที่ก้นบ่อยาพิษร้าย
สถานที่เดียวกับที่ฉันตามหาเธอ, แม้รู้ว่าไม่มีทางได้พบ

ความเว้าแหว่งในชีวิตฉัน
คงเป็นเรื่องสุดท้ายของสุดท้ายที่สิ่งสมบูรณ์อย่างเธอจะสนใจ
ฉันเขียนบทกวีเพื่อตามหาสิ่งที่ขาดหาย
แต่กลับพบว่าชีวิตของฉันขาดวิ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความเงียบคือความทรมานเพียงอย่างเดียวที่เธอมอบให้ฉัน
หากมันเหมือนฝนโบกขพรรษ, ฉันยินดีเปียก
ใช่เพียงเพื่อปลุกตนเองให้ฟื้นจากการหลับใหล
แต่เพื่อยืนยันแก่ตนเองว่า, ฉันยังสัมผัสเธอได้


๑๔/๑๒/๒๕๕๓

เพื่อนร่วมทาง

๏ ฉันให้ยืมไหล่นี้ดีไหม
วันที่เธอหลับใหลไม่เป็นท่า
หวังเพียงเธอหลับสนิทในนิทรา
ยามที่เธอเหนื่อยล้ามาตามทาง

๏ ไหล่ฉันอาจไม่ใหญ่เท่าใดนัก
คงพอพักเพียงเพลินเพลินอย่าเมินหมาง
ไหล่ของใครคนหนึ่งซึ่งอ้างว้าง
รอให้คนข้างข้างมาพักพิง

๏ ในความวุ่นวายของเมืองหลวง
ใจทุกดวงต่างเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
เร่งขันแข่งแซงหน้า,ช้าถูกทิ้ง
หยุดวิ่งคือโง่งมจมหายไป

๏ หลับตาเถิด, หลับตา, ถ้าเหนื่อยนัก
แล้วเพลงรักจะขานขับเมื่อหลับใหล
เถิดเติมเต็มความหวังกำลังใจ
เพื่อต่อสู้กับวันใหม่ไปอีกวัน

๏ ในค่ำคืนเหน็บหนาวอ่อนล้า
เราคือคนแปลกหน้าทั้งเธอฉัน
แต่ไออุ่นที่อุ่นไอให้แก่กัน
คงพอเติมเต็มฝันอันเบาบาง

๏ ไม่ใช่ไหล่ใครคนหนึ่งซึ่งรู้จัก
แต่ให้เธอพิงพักอยู่ไม่ห่าง
เพราะอย่างน้อยเราก็คือเพื่อนร่วมทาง
บนถนนอันอ้างว้าง-ไม่ต่างกัน ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๑๔/๑๒/๒๕๕๓

แด่... เพื่อนร่วมทางแปลกหน้าบนรถเมล์ ผู้ซบไหล่นิทรามาตลอดทาง

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ฤดูร้าว

๏ รอยน้ำค้างร้างหล่นบนยอดหญ้า
คือน้ำตาที่ค้างหล่นบนร่องแก้ม
เศษดอกรักยังหล่นค้างทิ้งร่างแซม
แต่งแต้มสวนใจที่ใกล้ตาย

๏ เมื่อแสงแดดยังแผดเผาให้เร่าร้อน
เงาอาวรณ์ยังทิ้งร่างไม่จางหาย
เคยเข้มแข็งก็อ่อนไหวใจละลาย
สุดท้ายวิ่งคว้าไขว่แม้ไม่มี

๏ ดอกโศกค่อยผลิบานช้าช้า
รดด้วยน้ำตาเต็มที่
โรยปุ๋ยความเจ็บช้ำซ้ำอีกที
พรวนดินด้วยฤดีที่แหลกลาญ

๏ เมฆฝนหอบฝนความหม่นเศร้า
ปะทะลมความเหงาที่พัดผ่าน
เป็นมรสุมอกหักรักร้าวราน
ฤดูกาลนานเนิ่นเกินจะทน

๏ ดอกรักจึงโรยราไม่เหลือร่าง
เหลือเพียงความอ้างว้างหมองหม่น
ฤดูรักแสนสั้นผ่านพ้น
เพียงใครหนึ่งคนเดินจากไป

๏ ความเหงาเข้ากุมใจจนไหวหวั่น
ความเศร้าเข้าแทรกฝันจนหวั่นไหว
แล้วน้ำตาก็หยาดหยดรดแผลใจ
ยิ่งร้องไห้ยิ่งพ่ายแพ้ซ้ำแผลเดิม ๚ะ๛


"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๑๒/๑๒/๒๕๕๓

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ยังมีรัฐธรรมนูญใหม่บนพาน

๏ แล้วฝุ่นก็ตรลบกลบเกลื่อนตา
แล้วฟ้าก็ครืนครั่นเสียงสั่นไหว
แล้วคนโง่ก็โกลาว้าวุ่นไป
แล้วคนหัวใสก็นิ่งรอ

๏ ทุกทุกวิกฤตคือโอกาส
จากมือผู้ประมาทพลาดพลั้งก่อ-
วิกฤตการณ์เข้าซ้ำตำหัวตอ
เข้าทางคนหัวหมอรอล้มกระดาน

๏ ฉีกทิ้งกฎเกณฑ์เล่นสนุก
ต่อเติมแต้มรุกทุกด้าน
เข้ากุมชะตากรรมสำราญ
ใครฤาอาจหาญมาต่อกร

๏ กินรวบทั้งวงลงหน้าตัก
ใครคิดยึกยักย่อมสั่งสอน
คิดจะสู้ก็เสียท่าแทบทุกตอน
กว่ารู้ตัวก็เกินย้อนกลับไป

๏ แล้วฝุ่นก็จางหายจากสายตา
แล้วฟ้าก็นิ่งงันหายหวั่นไหว
แล้วคนก็นิ่งเงียบทันใด
พบรัฐธรรมนูญใหม่บนพาน!

(จะตีกันอีกกี่ครั้งก็ช่างปะไร
ยังมีรัฐธรรมนูญใหม่ไว้รอคุณ!) ๚ะ๛


วุฒินันท์ ชัยศรี
๑๐/๑๒/๒๕๕๓

แด่... วันรัฐธรรมนูญของประเทศที่มีจำนวนรัฐธรรมนูญแปรผกผันกับความเป็นประชาธิปไตย

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แด่ "ควาย" ที่ตายแล้ว!

๏ เพลงใครเคยร้องหนอ
"รอมอตอเต้าหู้ยี้"
ด่าได้ก็ด่าดี
ด่าทั้งปีด่าทั้งวัน

๏ นั่นแหละ! เขาคนนี้
นักดนตรี "หนุ่มสุพรรณ"
จากบ้านมาสานฝัน
สร้างตำนานเพื่อชีวิต

๏ ใครเล่าจะลืมลง
"ลุงขี้เมา" ผู้หลงผิด
"กัญชา" ย่อมยาพิษ
ยังมีมิตร "ทะเลใจ"

๏ ใครนะใครเคยบอก
จะ "ล้างบาง" ประเทศไทย
ผู้แทนฯ แสนจัญไร
ต้องหมดสิ้นใต้ตีน "ควาย"

"ประเทศกำลังพัฒนา จะเลือกใครมาควรต้องมีเป้าหมาย
ผู้แทนบางคนมักใหญ่ มุ่งเอากำไรเมื่อได้เข้าในสภา
แย่งเป็นรัฐมนตรี ทำตัวบัดสีมีให้เห็นอยู่เต็มตา
มันดูถูกชาวประชาถือว่ารวย รวยไหมครับ ส.ส. รวยซิ
คนจนไม่ใช่คนโง่ ผู้แทนพุงโต แหกตาประชาชน
ล้างบางกันดูสักหน ขอแรงคนจน ช่วยเป็นคนล้างบาง"*

๏ แล้ว "ควาย" ก็ลืมบ้าน
อุดมการณ์ก็เริ่มจาง
เพื่อชีวิตก็เปลี่ยนข้าง
มาเป็นเพื่อชีวิต "กู"

๏ บาวแดงขวดซิเฮีย!
เป็นอาเสี่ยสิสุดหรู
ใครโง่ก็เชิญสู้
ด้วยดนตรีกวีศิลป์

๏ "เสี่ย น. ซอยรางน้ำ"
จอมกอบโกยและโกงกิน
เอาเงินฟาดหัวสิ้น
วิญญาณขายได้หลายตังค์

๏ เพื่อชีวิตมีสังกัด
จะกัดใครคงต้องระวัง
มีพ่อเป็นคนดัง
เชิญนั่งนิ่งรอเศษเนื้อ

๏ อุดมการณ์ก็เหมือนทราย
สร้างปราสาทแสนงามเหลือ
แต่พังได้ทุกเมื่อ
เพียงน้ำเงินมางัดง้าง

๏ แล้ว "ควาย" ก็ตายสนิท
"เพลงเพื่อชีวิต" ก็จืดจาง
แล้วใครจะ "ล้างบาง"
ให้สังคมหายเส็งเคร็ง! ๚ะ๛


วุฒินันท์ ชัยศรี
๐๗/๑๒/๒๕๕๓

* เพลง ล้างบาง ของ คาราบาว

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พระภัทรมหาราชาศิรวาท

โคลงสองสุภาพ
๏ ภูมิพลมหาราชเจ้า    จอมกษัตริย์เหนือเกล้า
ทั่วทั้งธรณี

โคลงสามสุภาพ
๏ กวีวัจน์วรวิศิษฏ์            ร้อยลิขิตเลื่องฟ้า
เถกิงเกียรติ ธ ก้องหล้า    เลิศแคว้นแดนสยาม

โคลงสี่สุภาพ
๏ ประณามพจน์รจเรขเรื้อง    รุจิรา
เฉลิมฉัตรจอมกษัตรา          เพริศแพร้ว
ธ ปกเกศปวงประชา             ชโยภาส
เรืองรัฐโสตถิสวัสดิ์แผ้ว        ผ่องพ้นภัยขษัย

ร่ายสุภาพ
๏ ไผทผองเพ็ญสุข        บำราศทุกข์นิราดูร           พูนพิพัฒน์สวัสดิ์ศรี
พระภูมีปกเกศ               คุ้มประเทศวิเศษวิศิษฏ์    ทรงทศพิธราชธรรม์
เลิศขวัญชาติเศวตฉัตร   เรืองจำรัสแดนทอง         “เราจะครองแผ่นดิน    
ปกชีวินพสกนิกร            โดยธรรมพรเพ็ญโสตถิ     เพื่อประโยชน์สุขผล
แห่งมหาชนชาวสยาม” ทุกเขตคามสดับดล     ประจักษ์ผลกระจ่างเนตร
พระภูเบศวร์แก้วิกฤติ      ชุบชีพิตราษฎร์ลำเค็ญ    ทรงบำเพ็ญพระกรณีย์
จอมกวีประพันธ์ศาสตร์   คีตาราชนฤมิต                เกษตรทฤษฎีใหม่        
ประยุกต์ไร่นาสวน          พิพัฒน์มวลภูธร              ธ ทรงสอนครรลองชีวิต
เศรษฐกิจพอเพียง          แซ่ซ้องเสียงสรรเสริญ   เจริญยศยรรยง
ขัตติยะองค์ยิ่งฟ้า           เหนือกษัตริย์ทุกแหล่งหล้า
โลกล้วนสดุดี    พระเอย

กลอนสุภาพ
๏ องค์ราชะนวมินทร์ภิญโญภาส
นวมราชเรืองจำรัสโสตถิรัศมี
น้อมศิระอภิวันท์กตัญชุลี
บุญจักรีล้นเกศพิเศษพิชัย
๏ จอมกษัตริย์วัฒนาประชาราษฎร์    
ร่มฉัตรชาติเชวงสฤษฏ์พิสิฐสมัย
ธ คุ้มเกล้าจิรกาลผ่านภพไผท    
อุโฆษไกรเกริกเกียรติกฤดาการ

กาพย์ยานี ๒๒
๏ เทียนธรรม ธ ส่องทิศ        
ราชกิจเกื้อทุกสถาน
น้ำพระทัยดังสายธาร        
ผ่านพิภพสงบเย็น
๏ บารมีศรีภูวนาถ        
ยังปวงราษฎร์ไร้ทุกข์เข็ญ
โพธิ์ธรรม ธ บำเพ็ญ        
เป็นโพธิ์ทองแห่งผองไทย

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ สรวมศรีสิทธิวิรุฬห์พระคุณรตนตรัย
พร้อมเพรียงเผดียงชัย        เฉลิม
๏ ล่วงแปดสิบพระวษาสวัสดิ์ชยเผดิม
พร้องพรขจรเพิ่ม        พิบูลย์
๏ ขอจงทรงพระสราญพิมานชนม์ประมูล
ร้อยล้ำฉนำคูณ        พิพิธ
๏ เจียรทีฆายุสุผลอนนตอดิสิทธิ์
เพ็ญสุขเขษมนิจ        นิรันดร์ ๚ะ๛


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายวุฒินันท์ ชัยศรี
ร้อยวจีกวีวัจน์ถวาย

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไปทำงานไม่ทัน!!

บันทึกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม

3.00 น. ว่าจะเล่นเกมคลายเครียดก่อนนอน แต่ดันติดลมไปหน่อย จ๊าก! วันนี้รับเขียนสกู๊ปให้ TK park งานเริ่ม 12.30 น. เอาน่ายังตื่นสายได้

9.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. นาฬิกาปลุกดัง  ฮึ่ย... ขออีกครึ่ง ชม. น่านะ สิบโมงก็ยังทันถมเถ

10.30 น. สะดุ้งเฮือก! ตายละวา กะว่าจะทำกับข้าวกินก่อนไปซะหน่อย จะไปหาข้าวกินแถว TK ก็แพงฉิบ อืม... ไปเรือละกัน ครึ่ง ชม. ถึง ลุกขึ้นกรอกข้าวสารใส่หม้อ อาบน้ำรอ หม้อข้าวดีดปึ๊ง เปิดกระทะไฟฟ้า โยนหมูยอลงไปเสียงฉู่ฉ่า กลับสองสามที ตักข้าวใส่จานเหยาะซอส โปะหมูยอ ไหม้ไปนิดนึงแถมแห้งเพราะไม่ได้ใส่น้ำมัน แต่เอาน่ะพอกินได้ (คิดในใจว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กิน เฮ้อ...)

11.20 น. หอบสังขารต้วมเตี้ยมมาอยู่ท่าเรือเรียบโร้ยย

11.30 น. เรือมาแล้ว เย้... แต่! ไปแล้ว อ้าว วิ่งฉิวไปเฉยเลย ท่ามกลางสายตางงเต๊กของผู้โดยสาร เอาไงดีวะ รอเรือเที่ยวต่อไปละกัน จะไปรถเมล์ตอนนี้ก็คงไม่ทัน

11.40 น. เรือมาอีกลำ แล้วก็ไปอีกลำ ฮ่วย มันอันหยังน่อ งานตูเริ่มเที่ยงครึ่ง ๆ ๆ นะเฟร้ยยยยย

11.50 น. เพิ่งเห็นป้ายเล็ก ๆ ตรงท่าเรือว่า "4 ธ.ค. เรืองดวิ่งจากท่าวัดศรีฯ - ประตูน้ำ ตั้งแต่เวลา 11.00 - 13.00"!
"@&%$+!%#!!!!"
สบถ ออกมาไม่เป็นคำพูด! ซวยล่ะ ไม่มีเรือจ้างพาไปถึงฝั่งฝันแล้ว จะไปพึ่งรถเมล์ก็รถติดแสรด จะขึ้นรถไฟฟ้าก็สงสัยว่าจะพาตัวเองไปขึ้นที่ท่าไหน ทางออกเดียวคือแท็กซี่!

12.00 น. ลักพาตัวเองจากท่าเรือมาอยู่ในแท็กซี่เรียบร้อย

12.10 น. ด่าแท็กซี่ในใจว่ามรึงพากรูมาติดแหง็กทำไม บอกว่าไปทางพระราม 9 ยังจะดื้อดึงพามาทางเพชรบุรี บอกรถไม่ติด ที่น่าเจ็บใจคือพอรถติดทีไร คุณพี่แท็กซี่ก็จะหยิบไอโฟนขึ้นมากดยิก ๆ ๆ หน็อย...

12.20 น. "พี่ครับ ผมขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ ปวดฉี่มาก" รู้สึกเหมือนถูกกระทำชำเราทางจิตใจอย่างรุนแรง คุณมรึงพาผมมาติดแหง็กแล้วยังจะแวะฉี่อีก โฮกกกกกก!! แต่ตอนนั้นไม่อยู่ในสภาพจะต่อล้อต่อเถียงกับใคร ได้แต่พยักหน้าแบบไม่มองหน้าแท็กซี่ จะทำอะไรก็ทำซะ กรูผิดเองที่เลือกขึ้นคันนี้ (มาคิดทีหลังว่าเราน่าจะวิ่งออกไปโบกแท็กซี่คันอื่นดีกว่า ประหยัดเงินด้วย ฮา)

12.45 น. คุณพี่พาผมกระดึ๊บ ๆ มาถึงจนได้นะ
"ช่วยเลี้ยวเข้าไปส่งข้างใน..."
"ไม่ได้ครับ เลี้ยวเข้าไปแล้วออกมายาก"
ฮ่วย คุณพี่เป็นแท็กซี่หรือเป็นเจ้านายกรูฟระ! อาชีพบริการเขาทำกันแบบนี้เหรอครับพี่ ไอ้... เอาล่ะอย่าเพิ่งด่า เสียเวลาทำงานมามากแล้ว ปิดประตูโครม! จังหวะเดียวกับที่ปากสบถคำไม่สุภาพออกมา พร้อมกับสองขาที่วิ่งด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า

12.46 น. คิดในใจว่าจะแก้ตัวกับพี่ฟ้ายังไงดีเรื่องมาสาย (ฮา)

12.50 น. ฉุดกระชากลากถูสังขารตัวเองมาจนถึง TK park แต่เอ๊ะ! ทำไมมันเงียบ ๆ พิกล เห็นพี่สต๊าฟเอาคียบอร์ดไฟฟ้ามาตั้งแล้วล่ะ แต่ทำไมดูใจเย็นเหลือเกิน พี่ฟ้าก็ไม่อยู่แถวนี้ซะด้วย

13.00 น. ชักไม่ได้การ หรือเขาจะจัดงานที่อื่น กำลังจะกดเบอร์หาพี่ฟ้า สายตาก็ไปป๊ะโปสเตอร์งาน "บทเพลงพระราชนิพนธ์ฯ" เริ่มงานเวลา 15.30 น. เอิ๊ก!

สรุปว่าวันนี้รีบมาแทบตาย ส่งสายตาพิฆาตขู่แท็กซี่ก็หลายหน เพื่อไปแอบงีบรอเวลาทำงานบนออฟฟิศ TK ฮ่วย...

*บันทึกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะไปทำงาน กรุณาโทรหาพี่เจ้าของงานก่อนนะจ๊ะ*