วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลงรักนักวิ่ง

(๑.)
หากคุณหลงรักนักวิ่ง
สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ เคาะฝุ่นเกรอะกรังจากรองเท้าหลังตู้ที่คุณหลงลืม
ชงวินัยผสมความมุ่งมั่นดื่มต่างน้ำเป็นแรงขับเคลื่อน
ให้ความปรารถนารุนแรงเป็นเท้ายักษ์ถีบคุณหลุดพ้นจากแรงดึงดูดของหลุมดำชื่อเตียงในรุ่งสาง
ย่ำเท้าลงสู่เข็มยะเยือกแห่งความร้าวรานทางร่างกาย
"ความเจ็บปวดเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทัณฑ์ทรมานเป็นทางเลือก"*
เอาความอิ่มเอมหลังผ่านพ้นกิโลเมตรแรกเป็นยารักษาแผลที่จะเกิดขึ้นชั่วกาล
ผลัดเนื้อเปลี่ยนกระดูกท่ามกลางกิโลเมตรต่อกิโลเมตรพ้นผ่าน
กว่าจะจบชั้นอนุบาลที่ห้ากิโลเมตรแรก กี่ครั้งที่คุณต้องฝ่าฟันกับความทุกข์เทวษของห้าร้อยกิโลเมตรที่ดัดปั้นน่องขาและแรงปอด
แต่นั่นก็คือทัณฑ์ทรมานที่คุณเต็มใจเลือกแล้ว

(๒.)
หากคุณหลงรักนักวิ่ง
คุณฝันว่าสักวันจะได้วิ่งเคียงข้างเธอตลอด 42.195 กิโลเมตร
กี่ครั้งที่คุณไปได้สุดชีวิตแค่คำยืดยาวจำพวกมินิและฮาล์ฟห้อยหน้ามาราธอน
ทุกครั้งคุณล้มลง ตะคริวตะคอกใส่หน้าคุณถึงขีดจำกัดของร่างกายที่ยังฝึกฝนไม่พอ
คุณลุกขึ้นชงวินัยผสมความมุ่งมั่นกรอกปากอีกเท่าตัว
ร้อยพันกิโลเมตรที่ตอกย้ำในมัดกล้ามขาคือสิ่วค้อนค่อยสกัดคำนำหน้ามาราธอนออกไปทีละนิด
ผสานผสมจินตนาการว่าตนคือฟีร์ดิปปิเดซ**ที่จะนำสาสน์แห่งรักไปกระซิบข้างหูเธอตรงเส้นชัย

(๓.)
หากคุณหลงรักนักวิ่ง
วันหนึ่งคุณกลับพบว่า 42.195 กิโลเมตรคือเส้นทางแสนสั้นที่คุณจะได้ใช้เวลาร่วมกับเธอ
น่าเสียดายที่การออกวิ่งในครั้งที่คุณพอจะทนทานกับระยะทางนี้ได้ คุณกลับพบว่ามีคนหลงรักนักวิ่งมากมาย
หมื่นพันผู้คนต่างห้อมล้อมเธอ กีดกันนักมาราธอนใหม่หมาดไว้กับโลกสุญญากาศของตัวเอง
กว่าจะรู้ว่าคุณไม่มีทางเข้าใกล้เธอได้ ปลายทางของคุณก็อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

(๔.)
ฟีร์ดิปปิเดซตะโกนว่าเราชนะแล้ว พร้อมกับสิ้นใจเมื่อถึงเส้นชัย
คุณปริ่มจะสิ้นใจ ทว่ายังจำยอมกลั้นกลืนสาสน์แห่งรักลงคอไปพร้อมกับน้ำดื่มดับกระหาย
คุณอาจไม่สมหวังเมื่อหลงรักนักวิ่ง
แต่อนุสาวรีย์ความรักนั้นแฝงฝังในมัดกล้ามปูดโปนและปอดแกร่งทนทาน
เมื่อมองย้อนกลับไปยังเส้นทางหลายพันกิโลเมตรที่ทอดยาวอยู่ข้างหลัง ก่อนที่ความปรารถนารุนแรงจะกระชากร่างคุณข้ามเส้น 42.195 กิโลเมตรมา
คุณคงจะรู้ว่า การหลงรักนักวิ่งไม่มีวันสูญเปล่า

สิงหาคม ๒๕๕๘
_________________
*จากหนังสือ What I Talk About When I Talk About Running ของ Haruki Murakami สำนวนแปลของ นพดล เวชสวัสดิ์
**นายทหารชาวกรีกผู้วิ่งข้ามที่ราบมาราธอนไปยังกรุงเอเธนส์

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลับใหลในโลกเศร้า

อยากจะนอนหลับใหลในโลกเศร้า
ในห้องแห่งความเหงาว้าเหว่
ให้ความอาลัยช่วยไกวเปล
กล่อมเห่ด้วยน้ำตาอาวรณ์

ทอดทิ้งทุกสิ่งไว้ในโลกเศร้า
ท่ามกลางฝันสีเทาเราหลบซ่อน
ปล่อยเสียงสะอึกสะอื้นกล่อมนอน
ตราบที่ใจไหวอ่อนยังอ่อนใจ

กี่ครั้งที่มีรักแล้วร้าวนัก
จะขอเลิกมีรักได้ไหม
ลบเลือนทุกสิ่งทิ้งไป
ลืมทุกความหวั่นไหวที่เคยมี

เพียงแค่หายใจก็ยังเจ็บ
ซ่อนเก็บหัวใจไร้ศักดิ์ศรี
มีแต่รอยร้าวบิ่นสิ้นดี
ไร้ค่ากว่าที่จะให้ใคร

อยากลบเลือนความรักในโลกเศร้า
ลืมทุกความเปลี่ยวเหงาร้าวไหว
จมดิ่งสู่ห้วงฝันนิรันดร์ไป
ดีกว่าตื่นมาร้องไห้เพียงลำพัง

๒๐ ส.ค. ๕๘

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ดีไม่พอ

เพราะรู้ว่าไม่มีวันดีพอ
จึงไม่ขอเรียกร้องให้มองฉัน
ขอแค่เป็นเช่นนี้ในทุกวัน
แค่ยิ้ม, ทักทายกันแค่นั้นพอ

ทุกสิ่งที่เคยทำให้กัน
รู้ว่าเธอนั้นไม่เคยขอ
และฉันไม่เคยเฝ้ารอ
ไม่กล้าแม้จะสานต่อความสัมพันธ์

เพราะฉันก็เป็นได้แค่นี้
เป็นคนธรรมดาที่มีแต่ฝัน
เพียงมือเปล่าและหัวใจให้กัน
เธอจะกุมมือนั้นนานเท่าใด?

นอกจากรักเธอมากกว่าตัวเอง
ฉันก็ไม่เคยเก่งเรื่องไหน
จึงขอแค่แอบรักเธอเรื่อยไป
หวังเพียงให้เธอเป็นสุขทุกทุกวัน

เพราะรู้ว่าไม่มีวันดีพอ
จึงไม่ขอแม้สิทธิ์จะคิดฝัน
หวังเพียงเธอได้พบใครควรคู่กัน
ฉันจะรอยินดี...ตรงนี้นะ

๑๖ ส.ค. ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทางฝัน

มันก็จริงที่ชีวิตต้องเดินไป
จะหัวเราะหรือร้องไห้ต้องไปต่อ
กาลเวลาไม่เคยรั้งรอ
ท่ามกลางการถักทอโชคชะตา

อาจเคยมีใครอยู่เคียงข้าง
พอให้ผ่านความอ้างว้างขมปร่า
แต่แล้วสักวันกาลเวลา
ก็เข่นฆ่าความสัมพันธ์อันเปราะบาง

ไม่เคยกุมมือใครได้เต็มมือ
จึงมิอาจยุดยื้อเมื่อเหินห่าง
ต้องสูญเสียสักกี่คนบนหนทาง
เหลือแต่ความอ้างว้างเต็มหัวใจ

ใช่! ชีวิตต้องเดินต่อก็พอรู้
ภาพฝันยังฝันอยู่ยังสู้ได้
แต่กี่คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
ท่ามกลางความอ่อนไหวทุกคืนวัน

ก็ถูกแล้วที่ชีวิตต้องเดินไป
แต่วันนี้หัวใจกลับไหวหวั่น
ปวดร้าวกว่าไม่มีใครเคียงข้างกัน
คือต้องชื่นชมฝันเพียงลำพัง

ส.ค. ๒๕๕๘