ระหว่างเสียเค้าไปเพราะเอ่ยปากถามความในใจ
กับเสียเค้าไปเพราะไม่เคยเอ่ยถามความในใจ
อย่างไหนเศร้ากว่ากันนะ...
คิดจะไม่ร้องไห้ก็ได้ร้อง
ตัวสั่นน้ำตานองเต็มหน้า
ใจหายแม้ทำใจนานมา
แต่จะยืนด้วยสองขาก็สิ้นแรง
ปี่พาทย์เพลงน้ำตาโหมขับ
เมื่อดวงเดือนลาลับดับแสง
สิบทิศล้วนห่มดำตาก่ำแดง
ใจร้าวเกินแสร้งทำใจ
อยากฝืนยิ้มส่งเสด็จครั้งสุดท้าย
เป็นความหมายว่าลูกสู้ลูกอยู่ไหว
แต่ถึงคราวก็ครวญคร่ำร่ำอาลัย
ปิ้มปานดวงหทัยแหลกลาญ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
เหมือนว่าฝนยังไม่จางจากวันเก่า
วันที่ดวงใจเราแหลกสลาย
เมฆหมอกหม่นดำความเดียวดาย
ดวงดาวคือประกายของน้ำตา
ข่าวร้ายยังเหมือนข่าวของเมื่อวาน
ตัวสั่นแค่มองผ่านภาพข้างฝา
หนึ่งปีเหมือนนิรันดร์นานมา
แล้วอีกกี่ปีกว่าจะผ่านไป
ฤดูมรสุมความเศร้าโศก
จะห่มคลุมโลกถึงกัลป์ไหน
ท่ามกลางรอยน้ำตาความอาลัย
ความทรงจำกลางใจไม่ลาร้าง
มองพระเมรุมาศจะขาดใจ
ฝนน้ำตาก็รินไหลพรายพร่าง
หลับตาแต่หัวใจไม่ปล่อยวาง
เหมือนว่าฝนยังไม่จางจากวันนั้น
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐