วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ใครกันใช้ตะเกียบไม้






ใครกันใช้ตะเกียบไม้
แท่งสองแท่งที่คนรุ่นใหม่ ๆ ใช้กันไม่เป็นเริ่มล้มหายตายจาก
วัตถุดิบขาดแคลนพอ ๆ กับไม้ซึ่งสงวนไว้ให้นายทุนตัดไปปลูกบ้าน
ว่าแล้วก็หลอมด้วยพลาสติกเสียให้รูปทรงคล้ายคลึงเป็นใช้ได้
โดยที่ต้นทุนต่ำกว่ากันเป็นสิบเท่า
ทำความสะอาดง่ายไม่ต้องกลัวขึ้นรา
แม้ว่าบางจังหวะความร้อนจะหลอมสารพิษลงสู่อาหาร
เรา, ชนชั้นผู้เสพมลพิษเป็นนิจศีลใยต้องหวั่นเกรง
ใครกันใช้ตะเกียบไม้
มันจะต่างอะไรกับตะเกียบพลาสติก
พวกเขายังคงไม่รู้ตัว
ต่อเมื่อตะเกียบพลาสติกคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวพ้นถ้วยสูงลิบ
เส้นก๋วยเตี๋ยวลื่น ๆ ไม่รักดีผละจากการโอบกอดอันเย็นชาของตะเกียบพลาสติก
ทิ้งตัวหล่นเผละลงชาม น้ำก๋วยเตี๋ยวกระจายเต็มเสื้อสวย

ใครกันใช้ตะเกียบไม้
ได้ความว่ามีร้านหนึ่งยังใช้อยู่
ร้านอาหารจีนหรูหรา ตกแต่งแบบย้อนยุค จนเกือบเผลอเรียกบริกรว่า-เสี่ยวเอ้อ
เติมเต็มอารมณ์ถวิลหาได้ชะงัดนัก
โต๊ะ เก้าอี้ ช้อน ตะเกียบ ทุกอย่างรังสรรค์จากไม้เนื้อดี
โชยกลิ่นหอมอ่อนของป่าลอยมาเร้าทุกผัสสะ
เส้นบะหมี่รักดีกอดรัดตะเกียบไม้แน่นหนา
เช่นเดียวกับข้าวสวยซึ่งซึมซับร่องรอยน้ำเลี้ยงแห่งชีวิต
แม้ซอกก้นกักขฬะของฉันยังสัมผัสจุมพิตแผ่วเบาจากเก้าอี้
ฉัน, ผู้ชาชินกับโต๊ะ เก้าอี้ ช้อน ตะเกียบพลาสติกตามฟู๊ดฮอลล์ เสพความสุขจากเครื่องใช้และภาชนะที่ทำด้วยไม้จนล้นปรี่
พลันสำนึกได้ว่า สิ่งที่เราละเลย หลงลืม จนสูญเสียไปนั้นมีค่ามากเพียงใด
ถามกระเป๋าตังค์เหี่ยวแห้งหลังเดินออกจากร้านก็คงรู้!


๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น