๏ แล้วเก็บซากละอองใจในอากาศ
เอามาวาดเป็นวิมานอันหวานชื่น
รู้ทั้งรู้ว่าความหวังจักพังครืน
ด้วยแรงคลื่นแห่งความจริงอันนิ่งงัน
๏ ในห้วงมหรรณพแห่งความเศร้า
คนหนึ่งเฝ้าเติมฝันให้เต็มฝัน
แม้ห้วงกาลจะนานเนิ่นเกินจำนรรจ์
และเต็มตื้นหฤหรรษ์แห่งน้ำตา
๏ เจ้ากระจกวิเศษเอยใครเคยบอก
เคยแต่หลอกให้ฉันฝันเองว่า
ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลสุดปลายฟ้า
จักหวนคืนกลับมามอบหัวใจ
๏ เพราะความจริงสายน้ำไม่ไหลกลับ
หัวใจที่ลาลับย่อมหลับใหล
และจะฟื้นกลับมาเมื่อดวงฤทัย
ของใครอีกคนค้นพบ
๏ หนึ่งวิญญาณจึงลอยคว้างระหว่างอนันต์
และความฝันก็ค้างอยู่ไม่รู้จบ
เศษสังขารความเศร้าเซาซบ
ถูกฝังกลบในหมอกหนาวอันยาวนาน
๏ ไม่เหลือซากละอองใจในอากาศ
ไม่พอวาดวิมานฝันอันแสนหวาน
สุดท้ายเศษเสี้ยวหวังพังแหลกลาญ
เหลือแต่ห้วงนิรันดร์กาลความปวดร้าว ๚ะ๛
"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๒/๐๖/๒๕๕๔
เอามาวาดเป็นวิมานอันหวานชื่น
รู้ทั้งรู้ว่าความหวังจักพังครืน
ด้วยแรงคลื่นแห่งความจริงอันนิ่งงัน
๏ ในห้วงมหรรณพแห่งความเศร้า
คนหนึ่งเฝ้าเติมฝันให้เต็มฝัน
แม้ห้วงกาลจะนานเนิ่นเกินจำนรรจ์
และเต็มตื้นหฤหรรษ์แห่งน้ำตา
๏ เจ้ากระจกวิเศษเอยใครเคยบอก
เคยแต่หลอกให้ฉันฝันเองว่า
ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลสุดปลายฟ้า
จักหวนคืนกลับมามอบหัวใจ
๏ เพราะความจริงสายน้ำไม่ไหลกลับ
หัวใจที่ลาลับย่อมหลับใหล
และจะฟื้นกลับมาเมื่อดวงฤทัย
ของใครอีกคนค้นพบ
๏ หนึ่งวิญญาณจึงลอยคว้างระหว่างอนันต์
และความฝันก็ค้างอยู่ไม่รู้จบ
เศษสังขารความเศร้าเซาซบ
ถูกฝังกลบในหมอกหนาวอันยาวนาน
๏ ไม่เหลือซากละอองใจในอากาศ
ไม่พอวาดวิมานฝันอันแสนหวาน
สุดท้ายเศษเสี้ยวหวังพังแหลกลาญ
เหลือแต่ห้วงนิรันดร์กาลความปวดร้าว ๚ะ๛
"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๒/๐๖/๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น