วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ว่าด้วยเรื่องสั้น "ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน"


เป็นเรื่องน่ายินดีที่เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 994 ประจำวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554 (และจะต่อด้วยฉบับที่ 995 เพราะแบ่งเป็นสองฉบับจบ) ให้โอกาสนักอยากเขียนอย่างข้าพเจ้าได้ลงตีพิมพ์เรื่องสั้น "ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน" หลังจากข้าพเจ้าหายหน้าไปจากสนามเรื่องสั้นของเนชั่นฯ เกือบสองปี

เพียงแค่เรื่องสั้นได้ตีพิมพ์คงไม่มากพอที่ข้าพเจ้าจะหยิบมาเขียนเป็นบันทึก หากแต่เรื่องสั้นนี้เต็มไปด้วยที่มาและความหลังมากมายเป็นพิเศษกว่าเรื่องสั้นอื่น ๆ จึงต้องบันทึกไว้เป็นอนุทินเตือนสติตนเองว่า เรื่องสั้นนี้หาใช่เกิดจากข้าพเจ้าเพียงคนเดียว แต่สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากหลายท่านและหลายสิ่ง

เรื่องสั้นแนว "บาดแผล" ฉบับเฮฮาปาร์ตี้ ยุคหลังสหายออกจากป่ากลับมาเป็นใหญ่เป็นโตเรื่องนี้ เดิมทีเป็นเพียงประเด็นสนทนาขำขำของข้าพเจ้ากับรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองเลยแม้แต่น้อย เรื่องก็มีแค่ว่ามีอาจารย์คนหนึ่งที่เราทั้งสองคนเคารพรักทำบางสิ่งบางอย่างที่ชวนให้รุ่นน้องข้าพเจ้าเจ็บปวดเป็นแผลเล็ก ๆ ในใจ ประโยคซ่อนความนัยนี้จึงเกิดขึ้นระหว่างการสนทนาของเรา

"ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน"

ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นชมรมวรรณศิลป์ที่ศิลปากรจัดประกวดเรื่องสั้น ข้าพเจ้าจึงยุยงส่งเสริมให้เธอนำเรื่องราวและบาดแผลที่เกิดขึ้นไปเขียนเป็นเรื่องสั้น แม้ว่าเรื่องสั้นนี้จะไม่ได้รับรางวัล แต่ข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้อ่าน เธอเขียนได้ดีทีเดียวสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าเห็นพลังบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่หลังเรื่องราวสนุก ๆ ของเธอ ที่หากนำมาแต่งแต้มสีสันในแบบของตัวเองก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องราวสนุก ๆ ขึ้นอีกเรื่อง หลังจากนั้นจึงได้คุยกับเธอว่าจะขออนุญาตนำมาเขียนในแบบของตัวเอง แต่แล้วเมื่อกาลเวลาผันผ่าน ข้าพเจ้าก็ลืมเลือนไป

เวลาผ่านมาจนถึงการประกวด Young Thai Artist Award 2010 ข้าพเจ้าคิดจะทำรวมเรื่องสั้นชุด "เรื่องไม่ประหลาด" ว่าด้วยเรื่องสั้นการเมืองและมิติของเรื่องเล่า ในนั้นจะมีเรื่องการเมืองซีเครียสอยู่สักครึ่งหนึ่ง และเรื่องการเมืองแบบหยิกแกมหยอกแกล้งอำให้ขำอีกครึ่งหนึ่งสลับกันไป เรื่องซีเครียสพอจะมีแล้ว แต่เรื่องหยิกแกมหยอกนี่สิยังขาดไปอีกเรื่อง นาทีนั้นข้าพเจ้าจึงนึกถึงเรื่อง "ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน" ที่เคยคุยไว้ ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะนำมา Remake (ขออภัยที่ใช้ภาษาต่างประเทศ เนื่องจากนึกคำไทยที่เหมาะใจใช้แทนคำนี้ไม่ได้ คำที่ใกล้เคียงที่สุดที่นึกออกคือ "เขียนขึ้นอีกสำนวนหนึ่ง" ซึ่งก็ยังฟังดูแล้วแปลก ๆ พิกล) ข้าพเจ้ายังคงเค้าโครงเรื่องและแก่นเรื่องเดิม แต่ตัวละครและเหตุการณ์ทั้งหลายนั้นข้าพเจ้าใส่สีตีไข่ใหม่หมด "ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน" สำนวนบาดแผลฉบับเฮฮาปาร์ตี้จึงถือกำเนิดขึ้น เป็นอันว่ารวมเรื่องสั้น "เรื่องไม่ประหลาด" ครบสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์

แต่ก็แน่ล่ะ, มันยังไม่ดีพอ งานชิ้นนี้จึงตกรอบไป

ข้าพเจ้าไม่ได้หวังว่าเรื่องสั้นชิ้นนี้ดีพอจะได้ตีพิมพ์ที่สนามไหน ๆ จึงนำมารวมเล่มในหนังสือมือทำเนื่องในวันวาเลนไทน์อันลือลั่นของหนุ่มอักษรฯ "ฉันเผลอเป็นกวีเพราะมีรัก" เพราะอย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องสั้นที่ว่าด้วยความรัก เข้ากับคอนเซปต์เล่มเป๊ะ!

จนเมื่อน้องแป๊บ นักเขียนกัลยาณมิตรของข้าพเจ้ามีโอกาสได้อ่านแล้วบอกว่า เรื่องนี้น่าจะดีพอที่จะได้ตีพิมพ์ ข้าพเจ้าจึงเริ่มหวั่นไหวราวกับดรุณีน้อยแรกรุ่นถูกป้อนคำหวานจากชายหนุ่มนักรัก แม้ว่าน้องแป๊บจะอ่อนอาวุโสกว่าข้าพเจ้าหลายปี แต่เรื่องประสบการณ์เขียน - อ่าน นับว่านำหน้าข้าพเจ้าไปหลายขั้น ถ้าแป๊บบอกว่าผ่าน มันก็น่าจะผ่านได้

หลังกลับมาจากค่ายนักเขียน ข้าพเจ้าจึงหยิบเรื่องนี้มาอ่านอีกรอบ แล้วแก้ไข-ตัดทอน-เพิ่มรายละเอียดที่ตกหล่น จากนั้นจึงทำใจกล้า ๆ ส่งไปที่เนชั่นสุดสัปดาห์ สนามเรื่องสั้นอีกไม่กี่แห่งที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในประเทศไทย

จากการเดินทางอันแสนยาวนาน, ในที่สุดเรื่องนี้จึงได้ปรากฏสู่บรรณพิภพ ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีแก่ข้าพเจ้า และความชุ่มชื้นในกระเป๋าเงินที่ชักจะร่อยหรอ

ข้าพเจ้ายังไม่มีโอกาสออกไปซื้อเนชั่นสุดสัปดาห์ จึงไม่รู้ว่าบรรณาธิการเขียนความคิดเห็นเกี่ยวแก่เรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้าง แต่หากเป็นคำชม/คุณความดีประการใด ข้าพเจ้าขอยกทั้งหมดให้แก่น้องทั้งสองของข้าพเจ้า, คนแรก น้องเอ๋ย เชษฐกิดา ตระกูลกาญจน์ เจ้าของเรื่อง "ความรักทำให้คนพกมือถือและเดินสยามพารากอน" ฉบับ Original ที่กรุณาให้ยืมพล็อตเรื่องมา Remake เป็นอีกสำนวนหนึ่งโดยไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์, คนที่สอง น้องแป๊บ เสฏฐวุฒิ อุดาการ ที่ช่วยให้กำลังใจจนข้าพเจ้าเกิดความใจกล้าหน้ามึนส่งไปให้บรรณาธิการพิจารณาตีพิมพ์

แน่นอน, ข้าพเจ้ายกให้น้องเฉพาะคุณความดีเท่านั้น ส่วนค่าเรื่องข้าพเจ้าของุบงิบเข้ากระเป๋าตังค์แต่เพียงผู้เดียว ฮาฮา

วุฒินันท์ ชัยศรี
18 มิถุนายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น