วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับ

ในวันที่ฉันข้ามเขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับ
ฉันรู้อยู่แก่ใจว่ากลับไปไม่ได้อีกแล้ว
มันพ้นจากมิติสถานที่ เวลา ความสัมพันธ์ และความสัมพัทธ์ทั้งมวล
ไม่อนุญาตแม้เพียงหันหลังกลับมามองรอยเท้า

แล้วฉันก็เลือกที่จะหยิบกลุ่มก้อนความรู้สึกติดมือไป
แม้ว่าลมหายใจจะเริ่มเบาบางจนจับต้องไม่ได้
ได้แต่หวังว่า มันจะเป็นบางสิ่งที่มีความหมายสำหรับฉัน
แม้สุดท้ายมันจะกลายเป็นความว่างเปล่าเมื่อเดินไปจนสุดเขตแดน

พ้นจากจุดเริ่มต้นเขตแดนอย่างไร้ทิศทาง
พันธนาการที่ผูกไว้กลับกลายเป็นกับดัก
ได้แต่คิดว่า บนเส้นแบ่งระหว่างเขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับ
ฉันน่าจะฝังกลบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตรงนั้น

แต่ฉันทำไม่ได้หรอก, มันสายเกินไป
เขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับไม่อนุญาตแม้เพียงหันหลังกลับมามองรอยเท้า
บางสิ่งที่มีความหมายกลายเป็นสัมภาระหนักสำหรับความเปราะบาง
บนเขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับอันกว้างไกลไม่สิ้นสุด

เพราะมนุษย์ไม่มีแม้แต่ทฤษฎีที่เป็นไปได้สำหรับการย้อนเวลา
และการเช็ดน้ำตานั้นง่ายกว่ามาก
นั่นคือตรรกะ, หลายคนจึงเลือกอย่างหลัง
แม้จะต้องเช็ดน้ำตาไปจนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

ในวันที่ฉันข้ามเขตแดนที่ไม่อาจหวนกลับ
ฉันรู้อยู่แก่ใจว่ากลับไปไม่ได้อีกแล้ว
นอกเสียจากการเดินทางไปไกลกว่านิรันดร
หรือทิ้งเศษซากวิญญาณอันเปล่ากลวงไว้ที่ใดที่หนึ่งในเขตแดนนี้

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น