วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บทบันทึกของคนเสพติดความเหงาถึงหญิงสาวตึกตรงข้าม

(1.)

จักรวาลของคนเหงา อาจกว้างเท่าหนึ่งห้องนอน ฉันเคยได้ยินคำนี้มาจากไหนก็จำไม่ได้ แต่รู้สึกว่ามันจริงเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะกับคนที่เติบโตมาด้วยการอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ เพียงคนเดียวเกือบสิบปี

จักรวาลของฉันไม่ต้องการพื้นที่มากเลย เพียงแค่พื้นที่วางเตียงมุมหนึ่ง วางโต๊ะคอมฯ มุมหนึ่ง และเดินอีกสามก้าวก็จะถึงห้องน้ำ มีกองหนังสือวางอยู่กลางห้อง และแน่นอนกองหนังสือนั้นจะแยกตัวไปตามมุมต่าง ๆ ของห้อง ทั้งเตียง โต๊ะคอม และห้องน้ำ เมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นมันจะลอยกลับมากองที่กลางห้องดังเดิม

ฉันพอใจในพื้นที่ของจักรวาลนี้เสมอ ไม่ว่าฉันจะย้ายห้องไปอยู่ที่ไหน ฉันก็จะจัดห้องในลักษณะนี้ เป็นสามเหลี่ยมทางสถาปัตยกรรมที่กำหนดวงจรซ้ำซากของชีวิตผู้เสพติดความเหงาได้ดีนัก

(2.)

ฉันเดาเอาเองว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เพราะฉันเห็นเพียงหนึ่งชีวิตเคลื่อนไหวในห้องเล็ก ๆ ห้องนั้น

ฉันพบเธอครั้งแรกเมื่อปรับนาฬิกาชีวิตให้ตรงข้ามกับคนปกติ คือนอนตอนกลางวัน และตื่นตอนกลางคืน ฉันรักตอนกลางคืนเพราะความสงัดของรัตติกาลมักมีกำนัลมามอบแด่ฉันเสมอ อักขระอันงดงามสำหรับฉันมักมาพร้อมเสียงจิ้งหรีดเรไรกรีดปีกในราตรีมากกว่าเสียงนกจิ๊บแจ๊วยามอรุณรุ่ง

ฉันไม่รู้ว่าค่ำคืนของเธอน่าอภิรมย์สักเพียงใด รู้แค่ว่าไฟดวงนั้นจะเปิดพรึ่บตอนประมาณตีสามหรือตีสี่ ผ้าม่านสีเขียวอ่อนถูกเธอรูดเปิดออก เธอกลับมาพร้อมเสื้อผ้าน้อยชิ้น โยนกระเป๋าไปอีกทางหนึ่งของห้องอย่างไม่อินังขังขอบ บางครั้งเธอเริ่มถอดเสื้อผ้า

น่าแปลกใจจัง ทำไมฉันไม่เห็นเธอตอนแต่งตัวเพื่อเตรียมออกไปที่ไหนสักที่ ทุกครั้งที่ฉันเห็นคือตอนที่เธอกลับมา ทำไมเธอถึงต้องเปิดผ้าม่านออกทุกครั้งที่เธอกลับมา บางครั้งเธอกล้าถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ชุดชั้นในตรงหน้ากระจก อาจเป็นเพราะเธอเห็นว่าไฟทุกดวงของตึกฝั่งตรงข้ามดับหมดแล้ว อาจจะจริง เพราะตึกที่ฉันอยู่ส่วนมากเป็นคนวัยทำงาน ไม่มีใครอยู่ดึกดื่นเกินตีสองตีสาม ห้องฉันนั้นเล่าก็ปิดไฟมืดสนิท เหลือแต่ไฟหัวเตียงที่สว่างพอสำหรับหนังสือดี ๆ สักเล่มเท่านั้น

(3.)

เปล่านะ, ฉันไม่ได้เป็นพวกถ้ำมอง เพียงแค่เราอยู่ตึกตรงข้ามกัน และห้องของเธอก็บังเอิญอยู่ตรงกับห้องฉัน เพียงแค่ฉันเพ่งมองตรง ๆ จากระเบียง ก็มองเห็นความเคลื่อนไหวของเธอผ่านกระจกใสบานใหญ่หลังห้องนั้น

ฉันเดาเอาเองว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เพราะฉันเห็นเพียงหนึ่งชีวิตเคลื่อนไหวในห้องนั้น แต่ฉันอาจเดาผิดก็ได้ อาจมีใครอีกคนนอนหลับอยู่ที่เตียงซึ่งฉันไม่เห็น นอกจากจะคาดเดาถึงเพื่อนร่วมห้อง ฉันยังคาดเดาถึงชีวิตของเธอ งานที่เธอทำ ลักษณะนิสัยใจคอ บางครั้งฉันคาดเดาขนาดที่ว่าเธอใช้สบู่ยี่ห้ออะไร กลิ่นแบบไหน แต่นั่นแหละ ทั้งหมดมันก็แค่จินตนาการฟุ้งฝันที่วางอยู่บนฐานการคาดเดาอย่างไร้สาระของฉันเอง

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันรับเอาเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจเป็นเพราะทุกครั้งที่ฉันต้องเขียนงานยาก ๆ ซึ่งต้องการสมาธิและความเงียบสงัดจนต้องหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับด้าน ฉันมักจะพบชีวิตของเธอเคลื่อนไหวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ฉันจำได้ ไฟเปิดพรึ่บ รูดม่านสีเขียว โยนกระเป๋า ถอดเสื้อผ้า แล้วเดินหายไปครู่ใหญ่ บางครั้งก็เวียนมาทำอะไรจุกจิกหน้ากระจกบ้างพร้อมกับผ้าขนหนูคาดอก เมื่อถึงเวลาประมาณตีห้าหรือแสงอรุณรำไรเริ่มถักทอ ไฟดวงนั้นก็จะดับพรึ่บลง ม่านสีเขียวรูดปิดสนิท เป็นเช่นนี้เสมอ ๆ

เราจากกันเมื่อฉันหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับมาเป็นปกติ แล้วเราก็พบกันอีกเมื่อฉันหมุนเข็มนาฬิกากลับด้าน

(4.)

ความอยากรู้อยากเห็นคาดคั้นเค้นความกับฉันหลายต่อหลายครั้งว่าเธอเป็นใคร ขณะที่ความเหงาพยายามบ่ายเบี่ยงคำถามด้วยคำตอบว่า ไม่ต้องสนใจหรอก เธอเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่เราต่างก็เป็นคนเหงาเหมือนกัน

ฉันเดาเอาเองว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เพราะฉันเห็นเพียงหนึ่งชีวิตเคลื่อนไหวในห้องนั้น บางครั้งฉันเหมือนคนบ้าที่พยายามจับผิดว่ามีใครอีกคนในห้องหรือเปล่าด้วยการมองหาเสื้อผ้าผู้ชายที่แขวนไว้ตรงระเบียง แต่ก็เหมือนเดิม มีแต่เสื้อผ้าผู้หญิงที่แขวนรอแสงอาทิตย์มาอบให้แห้ง แต่เธอก็อาจไม่ได้อยู่คนเดียว เธออาจมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ในห้องนั้น แต่ก็นั่นแหละ ฉันเห็นเพียงหนึ่งชีวิตเคลื่อนไหวในห้องนั้น จึงนำมาสู่ข้อสรุปง่าย ๆ ในใจของฉันว่า เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว

ส่วนข้อสรุปว่า เราต่างก็เป็นคนเหงาเหมือนกัน ฉันสรุปเอาเองโดยไม่มีสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ มันเป็นเพียงความรู้สึก ความรู้สึกอย่างที่คนเสพติดความเหงาจะรู้สึกร่วมกัน แต่อันที่จริงฉันก็พอมีสมมติฐานอยู่บ้าง บางค่ำคืนของวันอังคารและพฤหัสช่วงปลายเดือน บางคืนเธอไม่ได้ออกไปไหน เธอจะอยู่ที่ห้อง ม่านสีเขียวถูกเปิดออกแม้จะยังไม่ถึงตีสาม ขณะที่ห้องอื่นเปิดไฟสว่างโร่ ห้องของเธอกลับปิดไฟมืด มีเพียงแสงสีเงินยวงจากโทรทัศน์เท่านั้นที่ห่มคลุมร่างของเธออยู่เบาบาง

เพียงเท่านั้นแหละ สมมติฐานที่นำมาสู่ข้อสรุปว่าเธอเองก็เป็นคนเหงา

บางทีเธออาจจะแค่อยากประหยัดไฟ บางทีเธออาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย แค่อยากดูโทรทัศน์ในที่มืด ๆ แต่สำหรับฉันแล้ว มีก็แต่คนเหงาเท่านั้นที่รู้ว่าแสงสีเงินเช่นนี้อบอุ่นเพียงใด มันเป็นแสงที่ดูเย็นชา แต่ทว่าเมื่อได้ฝังร่างลงไป คนเหงากลับรู้สึกว่าคุ้นเคยกว่าแสงสีอื่น

(5.)

วันนี้เป็นอีกวันที่เธอห่มคลุมแสงสีเงินมาตั้งแต่สี่ทุ่มจนถึงตีสาม

วันอังคาร ปลายเดือน เธออาจจะมีเหตุอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ไปไหน ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่ฉันหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับด้าน เราจึงได้พบกัน

ตีสาม ฉันเริ่มเหนื่อยกับงาน ปิดไฟโต๊ะคอม ปิดจอคอม เดินออกมาที่ระเบียง สูดอากาศยามราตรี เย็นเยือกแต่อุ่นอวลด้วยร่องรอยความสงัด แสงสีเงินห่มคลุมร่างเธอนิ่งนาน สักพักเธอลุกขึ้น แสงสีเงินดับลง เธอคงกำลังจะนอน แต่ผ้าม่านยังไม่ปิด

กระจกหลังห้องเปิดออก เธอเดินออกมาที่ระเบียงพร้อมกระป๋องเครื่องดื่มในมือ ยืนนิ่ง เปิดกระป๋อง จิบเครื่องดื่มเบา ๆ แล้วทอดสายตา

เราสบตากัน

ระยะทางนั้นห่างไกลเกินกว่าจะแน่ใจว่าสายตาของเธอกำลังจ้องมองมาที่ฉัน แต่หากจะหยั่งวัดกันที่ความรู้สึกนั้น ฉันคิดว่าใช่

ไม่รู้ว่าเธอมองมาด้วยความยินดีหรือยินร้าย เช่นเดียวกับฉันที่บอกไม่ได้ว่ารู้สึกยินร้ายหรือยินดี เธอจิบเครื่องดื่มเข้าไปอีกอึก แล้วเราสองคนก็นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานราวกับนิรันดร์กาล

ความคิดร้อยแปดอย่างวิ่งเข้ามาในสมองฉัน บ้างก็ว่าอยากให้ฉันโบกมือทักทาย บ้างก็ว่าอยากให้ฉันตะโกนคุยข้ามตึก บ้างก็ว่าอยากให้ฉันบอกเธอว่ารออยู่ตรงนั้นนะ แล้วปั่นจักรยานไปยังตึกนั้นทันทีทันใด แต่ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือ ส่งรอยยิ้มเบา ๆ ในความมืด ซึ่งไม่รู้ว่าจะเดินทางไปถึงอีกฟากฝั่งหรือเปล่า

เธอจิบเครื่องดื่มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังหับห้อง ปิดผ้าม่าน แล้วดำเนินชีวิตพ้นจากการเฝ้ามองของฉันในค่ำคืนนี้

(6.)

ปิดคอม ทิ้งตัวลงบนเตียง เปิดไฟหัวเตียง หยิบหนังสือหนึ่งเล่มขึ้นมาอ่าน แต่ใจฉันวันนี้กลับไม่สงบเหมือนเคย ใจกระหวัดถึงหญิงสาวตึกตรงข้าม แต่ด้วยความรู้สึกใดฉันก็ไม่รู้ได้ ทิ้งหนังสือลงกลางห้อง จากพรุ่งนี้ไปเข็มนาฬิกาชีวิตของฉันจะหมุนกลับเป็นปกติ นั่นหมายความว่าเราอาจไม่พบกันจนกว่าเข็มจะเปลี่ยนทาง แต่จะสำคัญอย่างไรเล่า เพราะไม่ว่าเข็มนาฬิกาจะหมุนในลักษณาการไหน จักรวาลของคนเหงาก็ยังกว้างเท่าหนึ่งห้องนอนเหมือนเดิม

ปิดไฟหัวเตียง หลับตา เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าพื้นที่ในจักรวาลของฉันแคบลงไปถนัดใจ


วุฒินันท์ ชัยศรี
๒๐/๐๗/๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น