1.
ตีห้ากว่า ๆ ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ผมยืนอยู่บนยอดเขากระโจม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ รอชมพระอาทิตย์ขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวอีกหลายสิบชีวิต บ้างก็เพิ่งจะขึ้นมา บ้างก็ตั้งเต้นท์นอนรอตั้งแต่เมื่อคืน บรรยากาศของเขากระโจมในขณะนี้ดูครึกครื้น จนผมลืมไปว่าที่ที่ผมยืนอยู่นี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน...
เป็นเส้นทางลำเลียงไม้จากฝั่งพม่า ทั้งที่ผิดกฎหมายและถูกกฏหมาย
เป็นเขตชายแดนอันตรายที่เกิดการปะทะระหว่าง ตชด. ไทยและพม่าหลายครั้ง
เป็นหลุมศพของ ตชด. สิบกว่าชีวิต ในการผลักดันชนกลุ่มน้อยออกไปจากยอดเขาแห่งนี้
เป็นฐานที่มั่นสำคัญ และเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกองกำลังกระเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อยที่ถูกผลักดันจากดินแดนนักรบอย่างพม่าซึ่งมีอยู่มากมายหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่ชาวไทยรู้จักกันดีอย่าง "นักรบของพระเจ้า" หริอ ก็อดอาร์มี่ (God's Army)
กลุ่มนักรบที่เพื่อนสาวคนหนึ่งของข้าพเจ้านำไปต่อท้ายไว้ในคำขวัญของจังหวัดราชบุรีว่า "คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี ก็อดอาร์มี่บุกโรง'บาล" จากเหตุการณ์ที่พวกเขาบุกยึดโรงพยาบาลราชบุรีในปี 2543
ตีห้ากว่า ๆ ผมยืนอยู่บนยอดเขากระโจม เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ
ไม่แน่ว่า เมื่อสิบกว่าปีก่อน นักรบของพระเจ้าอาจกำลังยืนอยู่ตรงที่เดียวกับผม แต่เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเช่นเดียวกับผมหรือไม่ ผมไม่อาจรู้ได้
2.
ประเทศพม่าเป็นชาติแห่งนักรบมาแต่บรรพกาล การรวมประเทศของพม่าจึงเป็นไปในลักษณะโจมตีเอาพื้นที่ของชนกลุ่มอื่นเป็นเมืองขึ้น ภายหลังความคิดแบบรัฐชาติจึงค่อยเข้ามาพร้อมกับการล่าอาณานิคม การจากไปของประเทศอังกฤษจึงทิ้งรอยแตกร้าวรอยใหญ่ไว้กับประเทศพม่า การพยายามรวมชาติโดยที่คนในชาติไม่มีสำนึกร่วม จึงทำให้การปกครองเป็นไปในลักษณะรัฐทหารใช้กำลังในการปกครอง ส่งผลให้ประชาชนแตกแยกออกเป็นชนกลุ่มน้อยมากมาย โดยเฉพาะชาวกระเหรี่ยงซึ่งเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของทหารพม่า เพราะเคยทำหน้าที่นายพรานนำทางทหารอังกฤษมาตีกองทัพพม่า ทำให้พวกเขาถูกทหารพม่าโจมตีหนักที่สุด นำมาสู่การรวมกลุ่มของชาวกระเหรี่ยงและการแตกแยกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยตามกระแสประวัติศาสตร์
ก็อดอาร์มี่เป็นหนึ่งในนั้น
ก็อดอาร์มี่เป็นกระเหรี่ยงอิสระที่แยกตัวออกมาจากกองทัพกระเหรี่ยงกู้ชาติ (Karen National Union - KNU) มีกำลังประมาณ 200 คน พวกเขามีผู้นำเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี (ในปี 2543) คือ ลูเซอร์ กับ จอห์นนี่ ฝาแฝดลิ้นดำที่สร้างชื่อจากการรบชนะทหารพม่าหลายครั้ง จนกองทหารที่ติดตามพวกเขาทั้งสองคนเชื่อว่า พระเจ้าได้ให้พลังแก่เด็กแฝดและทหารทุกนายในบังคับบัญชาเพื่อต่อสู้กับศัตรู จึงเป็นที่มาของชื่อ "นักรบของพระเจ้า" หรือก็อดอาร์มี่
3.
นับเวลามาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้สองฝาแฝดคงจะอายุไล่เลี่ยกับผม คือ 23 ปี
ก่อนหน้านี้สิบปี ผมยังเตะบอลลั้นลากับเพื่อนอยู่ที่บ้าน ฤาจะรู้ร้อนหนาวกับเหตุการณ์บ้านเมือง ความคิดของผมไม่มีอะไรมากไปกว่าหาความสนุกไปวัน ๆ
แล้วก่อนหน้านี้สิบปี ความคิดของฝาแฝดอายุ 12 ปี และนักรบพระเจ้าคนอื่นเป็นอย่างไร เหตุใดจึงตัดสินใจอุกอาจบุกเข้ายึดโรงพยาบาล ทั้งที่มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะถูกเด็ดหัวเรียบจากหน่วยรบฝีมือฉกาจของไทย
พี่กวาง ไกด์หนุ่มของเราเล่าว่า สาเหตุหนึ่งที่ก็อดอาร์มี่ตัดสินใจบุกยึดโรงพยาบาล เป็นเพราะพวกเขาขาดเวชภัณฑ์ในการรักษากลุ่มทหารที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารพม่า
เพราะห่วงใยเพื่อนร่วมสมรภูมิในป่า จึงตัดสินใจเอาตัวเข้าไปเสี่ยงสมรภูมิในเมือง
แต่ไม่ใช่ว่าคิดปุ๊บจะบุกยึดโรงพยาบาลปั๊บ - นักรบของพระเจ้าได้พยายามอย่างยิ่งแล้วที่จะเสาะหาเวชภัณฑ์จากที่อื่น เช่น สถานีอนามัย สถานพยาบาลท้องถิ่น แต่ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือนักรบพระเจ้าผู้ไร้สัญชาติไม่ว่าจะเป็นสัญชาติไทยหรือพม่า
ผมไม่คิดกล่าวโทษใคร เพราะหากเป็นผม ผมเองก็คงไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วย เนื่องจากในขณะนั้นปัญหาการปะทะกันของทหารพม่าและชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บชายแดนเป็นเรื่องที่ทหารและประชาชนไทยวางตัวลำบาก เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะมากล่าวหาว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไร้มนุษยธรรม
ประกอบกับความไม่พอใจที่ทหารไทยให้ความช่วยเหลือทหารพม่าชิงตัวประกันในเหตุการณ์ก็อดอาร์มี่บุกยึดสถานทูตพม่าประจำประเทศไทยในปีก่อนทำให้พวกเขาทำใจลำบากที่จะเชื่อถือหรือรับความช่วยเหลือจากทหารไทยอีก
เมื่อสิ้นหนทางเหมือนหมาจนตรอก จากเรื่องราวเล็ก ๆ อย่างการขอเวชภัณฑ์จึงนำมาสู่การก่อการครั้งใหญ่ แน่นอนว่าตามด้วยเงื่อนไขหลายข้อเพื่อให้พวกเขาอยู่รอดต่อไป ซึ่งทางการไทยไม่สามารถยอมรับได้
และการก่อการครั้งใหญ่ ก็นำมาสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ของนักรบพระเจ้า เมื่อก็อดอาร์มี่ที่บุกยึดโรงพยาบาลทั้งสิบคนถูกหน่วยคอมมานโดของไทยปลิดชีพทั้งหมด
4.
16 มกราคม 2544 สองแฝดลิ้นดำพร้อมลูกน้องเข้ามอบตัวต่อทางการไทย ปิดฉากนักรบของพระเจ้าในดินแดนไทยลง
สิบปีต่อมา ผมยืนอยู่บนยอดเขากระโจม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักของนักรบพระเจ้า มาวันนี้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้คนมาเที่ยวชม เฝ้ารอเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเพื่อดื่มด่ำกับความสวยงามยามอรุณรุ่ง
สงครามไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์ การก่อการร้ายก็ไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน ผมลองคิดเล่น ๆ ว่า หากพวกเขาได้รับเวชภัณฑ์พอรักษาเพื่อนร่วมสมรภูมิได้ เหตุการณ์บุกยึดโรงพยาบาลอาจไม่เกิดขึ้น ลองนึกย้อนกลับไปนานกว่านั้น หากรัฐบาลทหารของพม่ายอมผ่อนปรนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อยที่เรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน ไม่มี KNU ไม่มีก็อดอาร์มี่คอยเป็นเสี้ยนหนาม
การประนีประนอมย่อมทำให้ไม่เกิดสงคราม เมื่อไม่มีสงครามก็ไม่มีโศกนาฏกรรม แต่โลกเบี้ยว ๆ ใบนี้ก็มีคนอยู่หลายจำพวก บางจำพวกก็ไม่อยากประนีประนอมกับใคร เช่นรัฐบาลทหารพม่า หรือม็อบบางสีที่ร้องแรกแหกกระเชอหาสงครามอยู่ไม่ขาดปาก
หกโมงกว่า ๆ ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ผมยืนอยู่บนยอดเขากระโจม พระอาทิตย์กำลังทอแสงสวยงาม นักท่องเที่ยวหลายสิบคนพากันลั่นชัตเตอร์เสียงระงมเพื่อเก็บภาพความทรงจำอันแสนประทับใจนี้ไว้
สิบกว่าปีก่อน เสียงปืนจากการปะทะกันของทหารพม่าและนักรบพระเจ้า อาจจะกำลังดังระงมเหมือนเสียงชัตเตอร์ในขณะนี้
ผมได้แต่สงสัยว่า ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้น สองแฝดลิ้นดำได้ชมความงามของอรุณรุ่งเหมือนอย่างที่ผมกำลังชมอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า
วุฒินันท์ ชัยศรี
๒๓/๐๒/๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น