วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กวีสาวแว่นสุดยอด!!

1.

มีเหตุผลอยู่ 2 ประการที่ผมไม่อยากจีบกวีสาวมาเป็นแฟน

(1.) กวีสาว หรือที่คุณเพ็ญ ภัคตะ มอบคำเรียกขานอันแสนไพเราะเพราะพริ้งไว้ว่า "กวิณี" ในความหมายอันเคร่งครัดของผมเอง คือกวีที่มีเพศสภาพเป็นหญิง โดยจะมีเพศสภาวะอย่างไรก็แล้วแต่  ไม่นับรวมกวีเพศชายที่มีเพศสภาวะเป็นหญิงแต่อย่างใด เท่าที่ผมรู้จักนั้นมีอยู่น้อยเมื่อเทียบกับกวีหนุ่มที่ผมรู้จัก ปริมาณของกวีสาวที่มีน้อยเช่นนี้จึงทำให้ผมรู้สึกเทิดทูนกวีสาวประหนึ่งเป็นเพชรยอดมงกุฎทศกัณฐ์ และเต็มใจจะยกเธอไว้น้อมก้มประนมกรกราบวันละสามเวลาหลังอาหาร บวกเช้าและก่อนนอนมากกว่าจะจับจองถือครองเป็นสมบัติส่วนตัว

(2.) แม้ผมจะยังไม่อาจเรียกตัวเองว่ากวี หรือแม้แต่เฉียดใกล้สภาวะของกวี เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือเป็นได้แค่ไส้ติ่งของกวี ("หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย" สำทับไล่หลังมาว่า- อย่างแกก็ทำได้แค่เขียนกลอนด่าคนอื่นไปวัน ๆ ล่ะว้า) แต่ในแง่ของคำเปรียบเปรยที่ว่า "กวีไส้แห้ง" (ในความหมายที่แฝงนัยถึงปริมาณเงินในกระเป๋า มิใช่หุ่นทรงองค์เอว) นั้นผมรับมาเต็ม ๆ ครั้นจะเปิดรับกวีสาวเข้ามาร่วมสำมะโนครัว ก็เกรงว่าอัตราความไส้แห้งของครัวเรือนจะทบทวีไปมากกว่านี้

เหตุนี้เอง ไส้ติ่งกวีกระเป๋าตังค์แห้งหย็องกรอด ผู้ไม่เคยเข้าถึงสภาวะทิพย์ และไม่อาจอิ่มทิพย์อย่างผมจึงต้องซ่อนเร้นความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจให้ไกลห่างกวีสาวให้มากที่สุด และผันตัวเองไปเกาะ... เอ่อ พึ่งใบบุญหญิงสาวที่ปรารถนาจะบำเพ็ญทานบารมีเยี่ยงพระเวสสันดรได้รับผมไปอุปการะเป็นสวนบุญเล็ก ๆ พอเป็นกระษัยเหมือนพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ เผื่อว่าวันหนึ่งผมจะจับพลัดจับผลูได้เฉียดกรายสภาวะของกวีบ้าง

แต่แล้วเหตุผลทุกข้อ คติประจำใจทุกอย่าง วันนี้กลับมลายหายไปเมื่อผมได้พบกับ "กวีสาวแว่นสุดยอด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" (อนุญาตให้ใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ซ้ำได้อีกเท่าที่ท่านต้องการ)

2.

หากเธอตัดสินคนจากการพบกันครั้งแรก ผมก็คงเป็นแค่ไอ้หนุ่มอ้วนเงื่องหงอยและบ้าการ์ตูนคนหนึ่งในห้อง Mind Room ของ TK park เพราะผมปรากฏตัวในฉากที่รายล้อมด้วยการ์ตูนวางอยู่เต็มที่นั่ง ในมือกำลังนั่งอ่าน Bakuman เล่ม 6 อย่างเนือย ๆ ส่วนหน้าตาที่ดูเงื่องหงอยเป็นเพราะเมื่อคืนวันก่อนใช้พลังแช่งหงส์ให้ตกรอบยูโรป้ามากเกินไปจนหลับไม่ลง 55

อันที่จริงผมก็พกอะไรที่ดูวิชาการอย่างชีทเรื่องชาดกไว้ในกระเป๋า แต่เมื่อพิจารณาจากสภาวะแวดล้อม อาทิ การรอเขียนงานโดยไม่มีเป้าหมายเวลาชัดเจน ประกอบกับการไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืน ครั้นจะฝืนอ่านชาดกก็คงสัปหงกดูไม่งาม แต่หากจะหลบไปงีบบนออฟฟิศ TK นอกจากพี่ ๆ จะเฉดหัวลงมาที่เดิมแล้ว ยังอาจจะพลาดงานที่ต้องรับผิดชอบในวันนี้อีกต่างหาก ดังนั้นเพื่อไม่ให้หลับ และไม่ต้องรอคอยอย่างสูญเปล่า เลยตัดสินใจว่า เอาวะ อย่างน้อยก็อ่านการ์ตูนละกัน เผื่อได้พล็อตเรื่องดี ๆ ไปเขียนเรื่องสั้นบ้าง

แวบเดียวที่เราสบตา เธอก็เฉไฉสายตาไปทางอื่น

กลับมามองผ่านสายตาผม, หากผมตัดสินคนจากการพบกันครั้งแรก ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นกวีสาว รู้แค่เธอเป็นสาวแว่นสุดยอด, ขี้อาย, เก็บตัวพอสมควร สองข้อนี้ผมเดาจากลักษณะการกอดสมุด แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เธอจะต้องเป็นคน "มีของ" อย่างแน่นอน ดูไม่ยากเลยในเมื่อแววตาเธอแฝงด้วยความเชื่อมั่นตัวเองจนผมสัมผัสได้ไม่ยาก คงเป็นคนประเภทดื้อเงียบ มั่นใจตัวเองแต่ก็ไม่ชอบเถียงกับใคร ผมอยากจะพิจารณาเธอให้นานกว่านี้ แต่เพื่อรักษามารยาทที่ดีในการพบกันครั้งแรก ในเมื่อเธออุตส่าห์เฉไฉสายตาไปทางอื่น ผมจะส่งสายตาหื่นต่อไปก็คงไม่งาม เราจึงหยุดการทักทายกันด้วยสายตาไว้เพียงเท่านั้น

แล้วเธอก็หายไปจากสายตาผม ส่วนผมนั้นคงหายไปจากสายตาเธอนานแล้ว

กลับมาสนใจการ์ตูนเพียงครู่เดียว ใจผมก็ไขว้เขวไปหาเธอในทันใด หันมองข้างตัวอีกที เธอไม่ปรากฏแม้เพียงปลายเล็บนิ้วก้อยให้ผมเห็น ผมหมุนตัวเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมอง เห็นกระเป๋าเธอวางอยู่แวบ ๆ และขาเหยียดยาว- เธอนั่งพิงเสาต้นเดียวกับที่ผมนั่งพิงอยู่

ลองแพนกล้องออกมุมกว้าง -หากไม่มีเสาต้นนั้นกั้น เราก็นั่งพิงหลังกันอยู่

3.

ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเธอเป็นกวี

ทุกสิ่งที่ผมรู้ในนาทีนี้คือ เธอเป็นสาวแว่นสุดยอด, ขี้อาย, เก็บตัวพอสมควร, มีของ แต่ไม่รู้ว่าของนั้นคืออะไร, และเรานั่งพิงกันโดยมีเสากั้นอยู่

จนถึงเวลาที่กิจกรรมบนเวทีเริ่มขึ้น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผมต้องออกไปทำงาน นั่นแหละผมถึงได้รู้

เก็บการ์ตูน เช็คของในกระเป๋า ลุกขึ้น เดินออกไปจากห้อง Mind Room และอาศัยจังหวะเลี้ยวเพื่อแอบมองเธอก่อนไปแบบเนียน ๆ และไม่ให้เธอรู้สึกว่า ผมหื่นเกินไป (ทั้งที่จริงแล้ว สิ่งที่เธอรู้สึกอาจจะน้อยเกินไป?)

น่าเสียดายที่กว่าจะถึงจังหวะเลี้ยว เราอยู่ไกลกันเกินไป สิ่งที่ผมเห็นจึงเป็นเพียงภาพไกล ๆ และนาทีนี้ไม่มีใครช่วยซูมกล้องเหมือนในหนัง

สมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ จดข้อความแบ่งวรรคอย่างเป็นระเบียบ การแบ่งวรรคตอนเรียงกันลงมาไม่น่าจะเป็นการเขียนเรียงความ น่าเสียดายที่ผมไม่เห็นถึงขนาดว่าเธอเขียนอะไร กลอนสุภาพ? กาพย์ยานี? กลอนเปล่า?

พื้นที่ว่างในหน้ากระดาษ เธอกำลังเขียนภาพประกอบเล็ก ๆ

นี่มัน... กวีสาวแว่นสุดยอด!!

"กอล์ฟ งานเริ่มแล้วจ้า"

เสียงพี่เจ้าของกิจกรรมเร่งอยู่ที่ประตู หากเธออยู่จนถึงงานจบ ผมอาจจะมีโอกาสได้คุยกับเธอบ้าง แต่ลางสังหรณ์เยาะเย้ยผมว่า "แกมีวาสนาแค่นี้แหละ"

4.

เธอหายไปไหนใครจะรู้ เพราะไม่มีใครมัดเธอไว้กับเสา จิตวิญญาณของกวีณีย่อมเป็นอิสระ พร้อมจะลิ่วโลดไปทั่วจักรวาล จิตวิญญาณผมก็เป็นอิสระเช่นกัน แต่ร่างกายผมมันดันมีพันธะให้วิ่งหัวปั่นกว่างานจะจบ

ห้อง Mind Room ในยามเย็นว่างเปล่า จิตวิญญาณคงสั่งให้ร่างกายเธอไปหาสถานที่เงียบสงัดเพื่อบ่มเพาะบทกวีให้งดงามกว่านี้ หรือไม่เช่นนั้นก็สั่งให้เธอไปเดินดูสินค้าทุนนิยมสามานย์เพื่อมาเขียนต่อต้านเป็นบทกวี หรือไม่เช่นนั้นก็ไปเดินดูเสื้อผ้าสวย ๆ ที่แพลตตินั่มตามประสาหญิงสาวธรรมดา

กวีสาว หาได้ยากยิ่ง กวีสาวแว่นสุดยอด ยิ่งหาได้ยาก ฤาเราจะได้พบกันเพียงเพื่อพรากจาก นี่อาจเป็นตำนานการผ่านพบไม่ผูกพันของ (ไส้ติ่ง) กวีหนุ่ม และกวีสาวแว่นสุดยอด หรืออาจเป็นแค่ภาพเลือนรางของน้ำค้างในพลบค่ำ

เธอหายไปไหนใครจะรู้ เพราะจิตวิญญาณของกวีณีย่อมเป็นอิสระ พร้อมจะลิ่วโลดไปทั่วจักรวาล ผมได้แต่หวังว่า สักวันผมจะได้เป็นกวีกับเขาบ้าง จะได้ออกเดินทางไปทั่วจักรวาล เผื่อว่าสักวันจิตวิญญาณกวีของสองเราอาจจะบังเอิญได้พบกันในซอกมุมใดซอกมุมหนึ่งของทางช้างเผือก

เฉกเช่นเดียวกับที่เราได้พบกันในวันนี้


๑๘/๐๒/๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น