วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ห้วงคำนึงเบาบางที่ไกลห่างกว่าปลายนิ้ว

(๑.)

บางครั้ง---ฉันได้แต่นึกสงสัย

เทคโนโลยีทำให้เรามีช่องทางติดต่อกันมากมาย แต่ช่องว่างระหว่างเรากลับมากขึ้นเรื่อย ๆ จนดูเหมือนไม่มีวันจะถมเต็ม

(๒.)

วันหนึ่งฉันพบกล่องเก็บของเก่า ๆ บรรจุจดหมายหลายสิบฉบับ กระดาษเหลืองกรอบบ่งบอกอายุของจดหมาย นอกเหนือจากวันเดือนปีที่ลงไว้อย่างน่ารักว่า วันที่รัก เดือนที่รอ พ.ศ. ที่คอย

นั่นคือจดหมายรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นคู่รักสูงวัย

วันที่ในจดหมาย ระบุระยะห่างของการสื่อสาร นอกจากระยะทางที่เป็นอุปสรรค ระยะห่างของช่วงเวลาก็เว้นวรรคนานนับเดือน หรือสองสามเดือน

วันที่ไม่มีโทรศัพท์ สองหนุ่มสาวติดต่อกันด้วยกระดาษรายงานและซองจดหมายสีชมพู นอกจากวจีรักออดอ้อน ยังมีเนื้อหาสัพเพเหระทำนองว่า วันนี้กินข้าวกับอะไร ไปทำบุญที่ไหน ผลการสอบได้คะแนนเท่าไหร่ ราวกับลูกชายรายงานสถานการณ์ชีวิตกับแม่จอมเฮี้ยบ

นั่นคือจดหมายรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ผ่านมาสิบปี หรือยี่สิบปี หรือห้าสิบปี ทั้งสองยังคงแน่นแฟ้นในความรัก

บางครั้ง---ฉันได้แต่นึกสงสัย

ในวันที่เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยที่สุดคือจดหมาย ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์บ้าน ทำไมคนสองคนกลับรักกันได้ยาวนานหลายสิบปีขนาดนั้น

(๓.)

ฉันมีแอคเค้าท์อีเมล์ ฉันมีเฟซบุ้ค ฉันมีแอนดรอยด์โฟนหนึ่งเครื่องซึ่งเข้าได้ทั้งอีเมล์และเฟซบุ้ค แถมในนั้นบรรจุแอพพลิเคชั่นสำหรับการติดต่อสื่อสารอย่าง Whatsapp และ Line เธอจะติดต่อหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้ทั้ง 24 ชั่วโมง หากฉันไม่ได้นอนหลับไปเสียก่อน

ห้วงคำนึงระหว่างเรากลับเบาบาง

เธอเคยคิดเหมือนกันไหมว่า การสื่อสารที่ง่ายเกินไปกลับทำให้ความคิดคำนึงที่มีถึงกันกลับน้อยลง

ข้อความสั้น ๆ ที่ส่งมาอย่างผิวเผินผ่านโปรแกรมติดต่อสื่อสารสำเร็จรูป ไม่อาจหยั่งวัดความเข้มข้นของห้วงคำนึงได้ว่าฉันคิดถึงเธอมากเพียงไร

เพราะวันหนึ่ง ๆ เธออาจจะมีข้อความว่า "คิดถึงนะ" ส่งถึงเธอผ่าน Whatsapp นับสิบข้อความ

แต่ทางฝั่งฉัน ฉันส่งข้อความนี้ให้เธอเพียงคนเดียว

(๔.)

หากเธอเคยเปิดสมุดสารพัดจดของฉันอ่าน จะเห็นว่านอกจากความคิดจิปาถะ และเศษบทกวีตก ๆ หล่น ๆ แล้ว ในนั้นยังมีที่อยู่ทางไปรษณีย์ของคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด

ฉันเป็นมนุษย์เดินช้า ผู้หล่นจากขบวนรถไฟ 4G ที่วิ่งฉิวไปสู่อนาคต ใครที่รู้จักฉันอาจจะต้องรำคาญหน่อย ถ้าตื่นขึ้นมาพบว่ามีซองจดหมาย หรือกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ติดตราไปรษณีย์มาหล่นอยู่ในกล่องรับจดหมายหน้าบ้าน

นั่นคือผลผลิตจากห้วงคำนึงแน่นแฟ้นที่มีต่อคนที่อยู่ปลายทางของไปรษณีย์

ฉันอยากให้เธอได้สัมผัสความรู้สึกขณะที่เขียนจดหมายหรือโปสการ์ด นอกจากรอยยิ้มที่หุบไม่ลงแล้ว ทั้งหมดของความคิดคำนึงยังผูกพันอยู่กับคนเพียงคนเดียว หากความคิดถึงมีรูปร่างเป็นเส้นใย มันก็ค่อย ๆ ถักทอขึ้นเป็นผ้าผืนงามและแข็งแรงทนทานในขณะที่กระดาษแผ่นนั้นค่อย ๆ ถมเต็มด้วยตัวอักษร เช่นเดียวกับช่องว่างในหัวใจที่เว้าแหว่งไปด้วยความคิดถึงเธอที่ค่อย ๆ เต็มขึ้น

นั่นคงเป็นเหตุผลเดียวกันกับเหตุผลที่ว่า ทำไมในวันที่เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยที่สุดคือจดหมาย ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์บ้าน ทำไมคนสองคนกลับรักกันได้ยาวนานหลายสิบปีขนาดนั้น

บางครั้ง---ฉันได้แต่นึกสงสัย

โทรศัพท์ของเธอก็ใช้งานสารพัดโปรแกรมติดต่อสื่อสารได้เช่นเดียวกับโทรศัพท์ของฉัน เช่นนั้นเธอยังยินดีจะรับการสื่อสารตกรุ่นที่ฉันพยายามส่งไปให้รึเปล่านะ

(๕.)

บุรุษไปรษณีย์ชื่อกาลเวลา นำพาจดหมายรักข้ามผ่านกาลเวลามาให้ฉันแอบอ่าน ทุกตัวอักษรในนั้นยังคงมีตัวตนอยู่แม้จะผ่านไปหลายสิบปี เช่นเดียวกับความรักของเจ้าของจดหมาย

ขณะที่แอนดรอยด์โฟนของฉัน อำนวยความสะดวกในการลบเลือนความทรงจำทั้งหมดด้วยคำสั่ง Clear all History หากไม่สำรองข้อมูลไว้ มันก็จะเป็นเพียงความทรงจำเลือนรางที่พร้อมจะจางหายไปในเสี้ยวเวลา

การติดต่อสื่อสารของเราง่ายดายและผิวเผินเกินไป ที่สุดมันอาจจะเป็นความทรงจำสีจาง คล้ายกับห้วงคำนึงที่เธอมีต่อฉัน

การเชื่อมต่อกับผู้คนมากเกินไป อาจทำให้สายสัมพันธ์ของเราเบาบางลง หรืออันที่จริงสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉันไม่มีตั้งแต่แรก ทั้งหมดเป็นเพียงความเพ้อฝันของฉันเอง ข้อนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้

อินเตอร์เน็ตยังคงเชื่อมต่อ เธออาจส่งเมล์ โพสหน้าวอลล์ในเฟซบุ้ค ส่งข้อความใน Whatsapp หรือ Line มาถึงฉันได้ตลอดเวลา แต่เสียงเตือนในโทรศัพท์นั้นเงียบงัน ขณะที่ฉันกำลังเติมตัวอักษรในจดหมายที่คิดจะส่งไปให้เธอ

บางครั้ง---ฉันได้แต่นึกสงสัย

เทคโนโลยีทำให้เรามีช่องทางติดต่อกันมากมาย แต่ช่องว่างระหว่างเรากลับมากขึ้นเรื่อย ๆ จนดูเหมือนไม่มีวันจะถมเต็ม


๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น