(๑.)
๏ ทุกครั้งที่มองฟ้ากว้างกว่ากว้าง
จะพบระยะห่างระหว่างฝัน
คือกำแพงกีดขวางใจให้ไกลกัน
กำแพงนั้นฉันสร้างไว้กั้นใจตน
เพราะรู้เราห่างไกลเกินชิดใกล้
เพราะรู้ว่าหัวใจยังสับสน
เพราะรู้ว่ามีใครอีกหลายคน
ที่จะพาเธอผ่านพ้นวันพรุ่งนี้
เพราะรู้ตัว, ฉันมิใช่คนดีนัก
แม้ความรักจะข้นเข้มเต็มที่
เพราะรู้, มีแค่รักเต็มฤดี
นอกจากนี้ไม่มีจริงสักสิ่งอัน
๏ เพราะรักเธอ, รักมาก
เกินทนเห็นเธอลำบากเพราะฉัน
ขอโทษ, ที่หนีไปในวันนั้น
ก็สมแล้ว, ต้องรับทัณฑ์ในวันนี้
เพราะเพิ่งรู้ว่ารักใครไม่ได้อีก
แม้ร่างกายสยายปีกเพื่อหลีกหนี
บางสิ่งกลับติดแน่นในดวงฤดี
และหัวใจไม่มีวันลบเลือน
(๒.)
๏ ฉันเกลียดเด็กน้อยนามโชคชะตา
ที่เคยมาขีดเส้นความเป็นเพื่อน
เส้นแบ่งแห่งจริงฝันจึงฟั่นเฟือน
ย้ำเตือนช่องว่างระหว่างเรา
แล้วสุดท้าย, รักที่ใจเคยไถ่ถาม
ก็ซุกซ่อนอยู่ในนามของความเหงา
ท่ามกลางกำแพงฝันอันบางเบา
และม่านหมอกหม่นเศร้าลวงตา
เมื่อใจรู้ว่ารักใครไม่ได้อีก
เคยหลบหลีกเคยเรรวนจึงหวนหา
แต่ใครเล่าขอร้องให้กลับมา
เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนเราไป, ไม่เหมือนเดิม
(๓.)
๏ ฉันไม่รู้, หากใครถามความคิดถึง
รู้แค่มันลึกซึ้งแต่แรกเริ่ม
ยิ่งทิ้งขว้างไปใจยิ่งเติม
ยิ่งพูนเพิ่มความห่วงใยในห้วงคะนึง
แต่คำ "รัก" ผิดที่ผิดเวลา
จึงสิ้นไร้คุณค่า, แค่คำหนึ่ง
แล้วใจต่อใจเคยไหวซึ้ง
ก็หมดสิ้นแล้วซึ่งความผูกพัน
แล้วจะโทษใครได้
ก็ใครเล่าใครเคยทิ้งฝัน
ก็ใครเล่าใครเคยทิ้งกัน
แล้วหวนคืนในวันรักวางวาย
กำแพงกั้นใจใครเคยตั้ง
กำแพงแห่งความหลังมิจางหาย
คำรักหนักแน่นแสนเปล่าดาย
สิ้นไร้ความหมายแล้ววันนี้
๏ แล้วความเงียบก็จู่จับรับความเหงา
ประคองความหม่นเศร้าในวิถี
ความเงียบงันค่อยกั้นขวางระหว่างฤดี
แล้วจึงทบทวีกลายเป็นทัณฑ์
ทัณฑ์เงียบคือทัณฑ์ที่กั้นขวาง
เป็นช่องว่างที่เติมฝันไม่เต็มฝัน
ความรักจึงอยู่กึ่งกลางระหว่างอนันต์
สายสัมพันธ์ค่อยลาร้างจางหายไป
(๔.)
๏ ฉันไม่รู้, หากใครถามเรื่องความเงียบ
รู้แค่มันเย็นเฉียบเกินทนไหว
ไม่มีสิทธิ์ขอร้องต่อรองใคร
หัวใจไม่อาจยื้อดื้อดึง
แล้วทัณฑ์เงียบก็ถึงวันทัณฑ์ชำระ
ชั่วขณะที่หัวใจไหวครั้งหนึ่ง
ปล่อยหัวใจไปสุดขอบห้วงคำนึง
ไม่มีวันไปถึง, ไม่มีทาง ๚ะ๛
"หนุ่มอักษร... นอนตื่นสาย"
๒๗/๐๕/๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น