:: พื้นที่รวบรวมงานเขียนเก็บเล็กผสมน้อยเป็นไทม์แมชชีนความรู้สึกของวันวาน ::
วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553
กวีฝันถึงสันติภาพใช่อ่อนแอ
๏ เธอไม่ผิดหรอกกวี...
คงจะดีหากโลกไร้เรื่องเข่นฆ่า
เติมไฟเกลียดเคียดแค้นไปมา
สุดท้ายก็ตายห่- ไปทั้งเมือง
๏ ฤๅกวีควรสุมไฟในใจมนุษย์
ชักฉุดเอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เร่งเร้าคนตายให้เปล่าเปลือง
ขุ่นเคืองกันต่อไปหลายชั่วคน
๏ ย้อมโลกเคยสวยด้วยสีเลือด
สุมไฟให้ใจเดือดหมองหม่น
สนองกิเลสความบ้าตัณหาตน
จมในวังวนไม่เว้นวัน
๏ พันธกิจของปากกาคือไม่ฆ่า
พันธกิจของปากหมาคือห้ำหั่น
ปากกาที่ยุใครให้ฆ่ากัน
คือปากกาอาธรรม์เป็นแน่แท้!
๏ ปากกาต้องเป็นโล่ใช่เป็นดาบ
ใช่ใช้ปราบใครใครแต่ใช้แก้
กวีฝันถึงสันติภาพใช่อ่อนแอ
เพียงไม่อยากเดินแห่ศพประจาน
๏ ที่สุดของชัยชนะคือไม่ฆ่า
คือได้ชัยชนะมาไม่ร้าวฉาน
คืนที่พระพุทธองค์ผจญมาร
ท่านมิได้ประหารมารสักตน
๏ สงครามเกิดขึ้นแล้วกี่ครั้ง
น้ำตาต้องรินหลั่งแล้วกี่หน
แค่มีใครตายเพียงหนึ่งคน
ก็พ้นเรื่องผิดถูกชั่วดี
๏ ใช้ปากกาปกป้องปวงประชา
ใช่เร่งเร้าให้เข่นฆ่ากันเร็วรี่
นั่นคือพันธกิจของกวี
มิให้มารมาย่ำยีบีฑาเรา
๏ ก้าวให้พ้นความคลั่งแค้นระหว่างคน
ก้าวให้พ้นการเข่นฆ่าความขลาดเขลา
อย่าเร่งฆ่าเพราะไม่รู้เพราะหูเบา
ปล่อยไฟแค้นแผดเผาปิดหูปิดตา
๏ เธอไม่ผิดหรอกกวี...
คงจะดีหากสิ้นไร้เรื่องเข่นฆ่า
(เพราะพวกเราล้วนเกิดจากอวิชชา
อีกเดี๋ยวก็ตายห่- กันหมดแล้ว!) ๚ะ๛
แด่... โอบอ้อม หอมจันทร์ กวีสาวผู้ฝันถึงสันติภาพ ในโลกที่ยังเต็มไปด้วยสงคราม
๐๓/๑๐/๒๕๕๓
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น