วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

วานปีศาจเขียน : 'รงค์ วงษ์สวรรค์


อย่าให้นกกระจิบแนะนำหนังสือของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรเลย ขอให้วรรคตอน "เพรียวนม" ประดามีทำหน้าที่แนะนำตัวเองดีกว่า

-------------------------------------------------

"เว้นแขนไว้ไม่ได้หรือ ผมรักแขนของผมมากกว่าอวัยวะชิ้นอื่น ผมรอดจากการจมน้ำตายหลายหนก็เพราะมัน ผมจึงควรจะมีกตัญญูกับมันบ้าง ผมได้ปีนขึ้นไปนั่งบนยอดไม้สูงก็โดยอาศัยมันช่วยโหนเถาวัลย์ เวลานอนหนาวผมก็ได้มันไว้กอดตัวเอง..."

(หน้า 16)

-------------------------------------------------

แดดร้อนบรรลัย--มันร้อนจนน่าจะฉวยมีดมาไล่แทงกัน

(หน้า 21)

-------------------------------------------------

"ชีวิตคนเราบางทีมันก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในร้านขายถ้วยชามราคาแพง คุณจะเห็นเจ้าของร้านวางป้ายเตือนให้รู้ว่า คุณจะต้องรับผิดชอบกับการแตกสลาย...ในขณะที่คุณหยิบมันขึ้นมาดู แล้วไม่หนไหนก็หนไหนคุณจะต้องพลาดเข้าจนได้ ปล่อยให้ชามหล่นจากมือ"

(หน้า 30)

-------------------------------------------------

"ยำผ้าขี้ริ้วนะคะ"

คนโซที่สองยักไหล่ "กินมันได้หรือ ผมมีเอาไว้ห่อทอง"

"ถูกของคุณ" คนโซที่หนึ่งสั่งเหล้าบัดซบนั้นอีกแบน

ทั้งสองพยายามใช้หัวแม่ตีนคิดว่าทำอย่างไรจึงจะเดินออกจากร้านด้วยมาดสง่า

และไม่โดนเตะ

(หน้า 37)

-------------------------------------------------

พนักงานรับใช้นำบรั่นดีมาเสิร์ฟ

"น้ำเย็น...รีบเอาน้ำเย็นมาด้วย" แต่เขาไม่รั้งรอจะจิบมันก่อนราวหนึ่งในสองของที่ขอดมาในก้นแก้ว

รสมันเพี้ยนเหมือนเหล้าโรงดองสมุนไพร

เพื่อนของเขาจิบบ้าง และตะโกน "โกง! ไอ้สัตว์นี่โกง! มันเอาเหล้าปลอมมาให้กิน"

สีเผื่อนปรากฏบนใบหน้าของชายร่างย้อย

และนาฑีถัดมาเขาจึงยิ้ม และยิ้มอย่างเก็บธรรมบางบทที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาได้ เขาพูด "แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าไอ้สัตว์บาร์เท็นเดอร์มันมีความซื่อสัตย์กับไอ้เจ้าของภัตตาคาร"

(หน้า 45)

-------------------------------------------------

เขาเคยเห็นสงคราม แม้ว่ามันจะไม่โหดร้ายเหมือนสงครามในภาพยนตร์หรือในนวนิยาย แต่มันก็คือสงคราม มันจะมีความหมายอย่างไรเขาไม่รู้ เขารู้แต่เพียงว่า--สงครามคือความหิว ความกลัว ความพลัดพราก และความตาย

แต่ความตายก็ดูเหมือนจะน่ารักกว่าความว้าเหว่

(หน้า 51)

-------------------------------------------------

"คุณมีความรักไหม?" ชายผู้เป็นทาสของความรักถาม

ผู้เป็นทาสของความเกลียดตอบทันที "ถ้าคุณคิดว่าการที่ผมต้องสมสู่กับผู้หญิงผอมเหมือนกิ้งก่าตัวหนึ่ง-เอ๊ย-คนหนึ่ง ผมต้องเฝ้าพะวงว่าลูกสาวอายุหกขวบที่นั่งเรือด่วนไปโรงเรียนจะพลัดตกน้ำไหม ผมเห็นแมวสีสวาทมันเล็มหญ้ากินก็ให้นึกเป็นห่วงว่ามันป่วย ได้ยินเสียงหมาร้องอยู่หน้าบ้านก็ต้องวิ่งออกไปดูว่ามันจะเป็นหมาของเราโดนรถยนต์ชนหรือเปล่า ผู้หญิงแก่ ๆ อีกคนในบ้านที่เราเรียกว่าแม่ยาย...หน้าที่ของแกคือโขลกหมากกินในเวลาที่ผมต้องการความสงัด และร้องตะโกนเสียดสีถ้าผมเมากลับบ้านและตามหึงแทนเมียของผม ถ้าคุณคิดว่าการมีเงื่อนไขผูกพันกับสิ่งเหล่านั้นมันเป็นความรัก ถุย! ผมก็มีความรักน่ะซิ"

"ผมจะมีความรักโดยไม่ต้องมีภาระกับความยุ่งยากเหล่านั้นได้ไหม?"

"ได้...ทำไมจะไม่ได้ ถ้ามันเป็นความรักที่ผิดหวัง"

(หน้า 60)

-------------------------------------------------

นรีผู้นอนซมอยู่ในมุ้งอับราของหล่อนรู้สึกอยากเห็นแสงแดด หล่อนรักแสงแดดในยามเช้าและยามเย็น หล่อนรักเสียงมอดไชไม้--มันเป็นดุริยางค์ของหล่อนผู้เดียวดาย หล่อนรักกลิ่นหอมของใบเนียมนวลประกอบน้ำกลอกกลิ้งบนใบบอน และเลื่อมระยับบนใบพุดซ้อน ความรัก--หล่อนมีความรัก หล่อนรักหมอนที่เคยหนุน อ้อมกอด (ของตัวเอง) ที่เคยซบเพื่อร้องไห้ และหล่อนมิวายรักความผิดหวัง

มันไม่ช่วยให้หล่อนตระหนักว่าหล่อนเป็นคนเท่านั้น

มันเตือนให้รู้ว่าหล่อนเป็นหญิง และอาภัพ และใคร่จะมีชีวิตเพื่อเสพย์ความอาภัพนั้น

โลกร้องไห้เป็นกำนัลหล่อนในกังวานพริ้ง

(หน้า 65)

-------------------------------------------------

"ผมพอจะเหมือนคุณบ้างไหม?" เขาถาม

"ยัง--ยังไม่เหมือน..."

"ทำไม--ผมควรแก้ไขอย่างไร?"

"ไม่ยากเลย" ข้าพเจ้าบอก "โยนความดีทิ้งไปเสียบ้าง แล้วก็หาความบัดซบอย่างถึงใจมาประดับ เท่านั้น...คุณก็จะเป็น 'รงค์ วงษ์สวรรค์อย่างสมบูรณ์"

(หน้า 96)

-------------------------------------------------

['รงค์ วงษ์สวรรค์. วานปีศาจเขียน. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549.]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น