วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บทบันทึกถึงหญิงสาวคอกข้าง ๆ

ฉันจะกระซิบความลับให้ฟังอย่างหนึ่ง เราเดินสวนกันทุกครั้งในความฝัน แต่เธอมองไม่เห็นฉันหรอก เพราะมันเป็นฝันเล็ก ๆ ของฉันเอง

ส่วนสิ่งที่ไม่เคยลับคือ เรามีโอกาสเดินสวนกันอยู่บ้างบางครั้ง ทว่านอกจากรอยยิ้มแล้ว เราไม่ได้แลกเปลี่ยนอะไรกันเลยแม้สักเดซิเบล รู้ไหมว่าค้างคาวใช้วิธีส่งคลื่นความถี่สูงให้เห็นอุปสรรคขวางหน้า ฉันเพียงส่งคลื่นความรู้สึกเบา ๆ ก็รู้ว่ากำแพงขนาดมหึมากั้นขวางเราไว้อยู่ สำรวจดูแล้วน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับกำแพงแบ่งแยกประเทศของเผ่าพันธุ์อารยันอันสูงส่ง นึกชื่นชมเธอที่อุตสาหะเนรมิตเอาไว้ขนาดนั้นเพื่อสกัดกั้นคนไร้ค่าคนหนึ่งมิให้ล่วงล้ำเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนค้อนที่ใช้ทุบกำแพงก็กลับมาอัดฉันเสียจนน่วมช้ำหนอง

การจาริกแสวงบุญทางหัวใจ จึงไร้ค่าและเปล่ากลวงพอ ๆ กับออกซิเจนในเมืองหลวงที่ไม่ผ่านเครื่องกรองอากาศ

รู้จักชื่อก็เหมือนคนแปลกหน้า อย่าว่าแต่อยู่คนละตึก เพราะบางครั้งฉันรู้สึกเหมือนหล่นลงหลุมดำท่ามกลางพื้นที่ขนาดหนึ่งคูณหนึ่งตารางเมตรซึ่งเป็นจักรวาลน้อย ๆ ของฉัน เธอหรือจะหาพบ

ในคอกมืดและหนึบพอ ๆ กับสะดือทะเลตอนเปิดจุก แต่ความรู้สึกถูกจับกระชากหมุนวนในความมืดสนิทจนแทบอาเจียนก็ยังน้อยกว่าตอนที่เธอแสร้งยิ้มให้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรสำหรับหูฟังระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก เมื่อเสียงในใจตะโกนใส่ทุกวันจนหูแทบหนวก

บางครั้งเพื่อไม่ให้เธอขัดเขิน ฉันเลือกทำแบบเดียวกัน คือแสร้งยิ้มให้ แต่ที่จริงเธอไม่รู้หรอกว่าฉันแสร้งทำเป็นว่าแสร้งยิ้มให้เพื่อให้เธอไม่รู้ว่าฉันไม่ได้อยากแสร้งยิ้มให้

หนึ่ง สอง สาม สี่ ฉันนับนิ้ว หนึ่ง สอง สาม สี่ คนที่ฉันเผลอใช้มีดแทงหัวใจฉันเองเพราะความฉลาดทางความรักในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน

ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสืองานศพ ก่อนจะเดินทางไปสมทบในเร็ววันด้วยซากร่างเปล่ากลวง นั่นคือจุดหมายสุดท้ายของฉันหลังจากหล่นลงมาด้วยความพยายามปีนกำแพงเบอร์ลิน

ความทะเยอทะยานทางสายตาของเธอบ่งบอกถึงสิ่งที่ฉันไม่อาจคว้ามาได้ นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลที่การดำรงอยู่อย่างอากาศธาตุของฉันจะมีความหมาย

ที่นี่ไม่มีผีเสื้อเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ด้วยเสน่หา ฝนมิได้โอบอุ้มความคิดถึงลงมาจากฟากฟ้า และซากศพไก่ในผัดกะเพราก็เป็นไก่ที่ไม่เคยได้รับความรัก

แล้วใครเลยจะใช้หัวใจทำหน้าที่อื่นนอกจากสูบฉีดเลือด


๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น