วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หัวสิวของแมรี่ และแฮปปี้ของนุกนิก




(เปิดเผยเรื่องราวบางส่วนในภาพยนตร์เรื่อง "ผีโป๊ สะดือพูด และสิวของนุกนิก" และ "Mary Is Happy, Mary Is Happy.")

ขณะที่เรื่องหนึ่งก็ตั้งหน้าตั้งตาจะเล่าเรื่องเหลือเกิน อีกเรื่องหนึ่งก็สลายวิธีการเล่าเรื่องเดิม ๆ ซะจนเราจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก การชมสองเรื่องติดต่อกันจึงทำให้ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน 55 แต่น่าแปลกที่ทั้งสองเรื่องสองขั้วกลับพาไปสู่ความรู้สึกสุดท้ายที่กลิ่นคล้าย ๆ กันซะอย่างนั้น (หรือเพราะเราดูทั้งสองเรื่องติดต่อกันรวดเดียวนะ 55)

ว่ากันที่ผีโป๊ฯ ก่อน ผมยังไม่เคยดู "หมาอภินิหารและขวดใส่มหาสมุทร" ผมงานก่อนหน้านี้ของคุณอมร หะริณนิติสุข ผู้กำกับผีโป๊ฯ แต่เข้าใจว่าคุณอมรคงจะกำลังซาบซึ้งอยู่กับปรัชญาหรือแนวคิดทางศาสนาบางสำนัก จึงได้ดึงเอาแนวคิดสองขั้วมาปะทะสังสรรค์เพื่อจะพานุกนิกนั้นบรรลุนิพพานผ่านหัวสิว แต่ผลก็คือบทพูดออกจะเป็นการยกตำราหรือคำเทศนามายิงผ่านปากตัวละครเสียมากกว่า เหมือนว่ากลัวคนดูไม่เข้าใจหรือจะตีความไม่ถึง เสน่ห์ของหนังเลยลดลงไปมากโข โดยเฉพาะตอนที่นิทานเรื่องเต่ากับปลาโผล่มา ผมถึงกับกุมขมับ ขอโทษนะพี่ แต่ผมว่ามันเช้ยยยยเชยจริง ๆ นะ 555

เข้าใจว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดจำเขี่ย คุณอมรคงเขียนบทเองกำกับเอง เปรียบเปรยไปก็เหมือนคนเล่นหมากรุกกับคนดูอยู่วงนอก คนเล่นหมากรุกเองตอนนั้นก็คิดอะไรไม่ออกหรอกนอกจากเดินไปตามเกม ขณะที่คนวงนอกน่าจะเห็นข้อจำกัดหรือจุดที่ควรเพิ่มเติมและลดทอนในบทมากกว่า หนังเรื่องต่อไปถ้ามีมือดี ๆ มาช่วยเขียนบท หรืออย่างน้อยก็เกลาบทไม่ให้เทศนาคนดูมากเกินไป ก็น่าจะทำให้เรื่องไหลลื่นขึ้นไม่น้อย เพราะตัวพล็อตเองก็น่าสนใจอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ดังที่ซอมเมอร์เซต มอห์ม กล่าวไว้ว่า การโกนหนวดแต่ละคราวแฝงปรัชญาล้ำลึก เช่นนั้นแล้วไยหัวสิวธรรมดายิ่งของนุกนิกจะพาเธอไปสู่นิพพานไม่ได้

อันที่จริงถ้าผู้กำกับเองจะลองจินตนาการถึงคนดูที่จะอุตส่าห์บุกเข้ามาชมผลงานของเค้าถึงในโรงหนัง ผมว่าคงไม่มีประเภทที่ว่าวัยรุ่นเดินสยามกิ๊วก๊าวแล้วเห็นโปสเตอร์ เฮ้ยแกไปดูเรื่องนี้เถอะน่าสนุก หรือเข้ามาเพราะเป็นแฟนคลับโบวี่อะไรเทือกนั้น คือแค่ชื่อหนังของพี่ก็จัด Genre ของคนดูได้แล้วระดับหนึ่งว่าไม่แมสแน่ ๆ คนที่มาดูก็ต้องตั้งใจมาก ๆ หรือเป็นคอหนังแนว ๆ อยู่แล้วแหละนะ ดังนั้นจึงไม่น่าจะต้องให้บทพูด 'เฉลย' แก่นเรื่องอยู่บ่อย ๆ บางจุดอาจจะอมพะนำเอาไว้แล้วค่อยมาพูดทีเดียวตอนค่อย ๆ คลี่คลายเรื่องยังจะดู 'เซ็กซี่' กว่าด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่นเรื่องที่นุกนิกไม่ยอมกลับไปหาแม่เพราะถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน เรื่องนี้คนดูกลับได้รู้ตั้งแต่ฉากแรกตอนที่นุกนิกคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิท พอมา repeat อีกทีในตอนคุยโทรศัพท์กับแม่ และโดนผีนุกนิกกระชากหัวคุยกับตัวเอง ในแง่ของการคลี่คลายเรื่องมันก็ไม่ 'เซ็กซี่' เสียแล้ว เลยเป็นผลให้การสร้าง Impact สะเทือนอารมณ์ก็ทำไม่ได้ ทั้งที่บทตรงนี้มีศักยภาพเพียงพอ

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชมหนังเรื่องนี้มาก ๆ คือนางเอกอย่างโบวี่ที่ "เอาอยู่" หรือจะว่าไปก็เป็นสิ่งเดียวที่พาคนดูไปจนจบเรื่องก็ว่าได้ (แหมก็แสดงอยู่คนเดียว 55) ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมองโบวี่ในฐานะนักแสดงเป็นพิเศษ แต่พลังการแสดงจากหนังเรื่องนี้ก็ทำให้จากนี้ไปผมคงต้องพินิจการแสดงของเธออย่างตั้งใจมากขึ้นในฐานะนักแสดงตัวจริง

เช่นเดียวกับแมรี่ฯ จุดที่น่าจะเติมหรือน่าจะตัดในบทหนังนั้นมีไม่น้อย ทว่าอย่างที่รู้กันว่าหนังเรื่องนี้สร้างจากทวิตเตอร์ 410 ทวิตเป๊ะ ๆ และอีกอย่างนวพลก็เป็นมือเขียนบทที่แม่นอยู่แล้ว การขาดความลื่นไหลในบางจุดจึงไม่น่าจะเป็นจุดอ่อนของการเขียนบท แต่เพราะเงื่อนไขการทำหนังบังคับมาแบบนั้น ดังนั้นการพาทวิตเตอร์ 410 ทวิตไปได้จนเป็นเรื่องราวจึงเป็นเรื่องน่าชมเชยมากกว่า และต่อให้ผมโจมตีโครงสร้างการเล่าเรื่อง นวพลก็คงจะยักไหล่และตอบว่า "ถ้าแก้ก็ไม่รู้ว่าจะทำหนังเรื่องนี้มาทำไมว่ะ" ดังเช่นที่พี่แกเคยตอบกูรูวิจารณ์ในงานเทศกาลหนังที่เวนิซและปูซาน

คิดกว้าง ๆ จะจัดมันให้เป็นหนัง Deconstruct ก็ไม่ได้ เพราะพี่แกไม่ได้รื้อสร้างแต่เล่นรื้อทิ้ง Destruct วิธีการเล่าเรื่องมันซะเลย 555 ก็คงจะเรียกว่างานแนวทดลองอย่างหนึ่งกระมัง จะว่าไปก็ไม่แปลกเพราะการตั้งต้นทวิตแรก ๆ ตั้งแต่อยากเลี้ยงแมงกะพรุน แล้วมีแมงกะพรุนส่ง Fedex มาถึงบ้าน นั่นก็น่าจะบอกไวยากรณ์ของเรื่องกับคนดูตั้งแต่แรกแล้วว่า จากนี้ไปมึงเหวอทุกฉากแน่ แล้วก็จริง ๆ 555 น่าเสียดายที่ดูหนังเรื่องนี้หลังจากเพิ่งดู Synecdoche มาหมาด ๆ อารมณ์การโดนคอฟแมนเขย่าวิญญาณยังตกค้างอยู่ การทดลองที่น่าตื่นเต้นของหนังเรื่องนี้สำหรับผมเลยโดนลดทอนเหลือแค่ว่าน่าสนใจดีเท่านั้น

ขณะที่ผีโป๊ฯ มีโบวี่ แมรี่ฯ ก็มีซูริเป็นคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อ บทน้องอาจไม่ใช่นางเอกเหมือนแมรี่ แต่หลายต่อหลายฉากกลับขโมยซีนแมรี่ไปซะดื้อ ๆ ขณะที่แมรี่สวิงสวายไปกับบทประหลาด ๆ ซูริเหมือนพลังงานจลน์ที่ไหลเอื่อย ๆ แต่ทรงพลังชิบหาย และยังทำหน้าที่คอยประคองแมรี่ไปครึ่งค่อนเรื่อง จนป่านนี้พี่ก็ยังไม่รู้ชื่อน้องเลย แต่จะติดตามการแสดงต่อไปนะครับซูริ น้องอนาคตไกลแน่นอนพี่คอนเฟิร์ม

แล้วก็อย่างที่บอกไว้ในตอนแรก ขณะที่วิธีการเล่าเรื่องทั้งสองต่างกันสุดขั้วแบบนี้ แต่ก็น่าสนใจว่าบทสรุปสุดท้ายต่างก็มีกลิ่นคล้าย ๆ กัน คิดว่ามันคงจะเป็นกลิ่นของยุคสมัยกระมัง (แต่ของนวพลเหวอกว่าเยอะ 555) สรุปว่าน่าดูทั้งสองเรื่องครับ เรื่องแรกอาจจะเน้นไปที่การอุดหนุนผู้กำกับอินดี้ให้มีกำลังใจพัฒนาผลงานชิ้นต่อไปให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องหลังนี่ฐานแฟนคลับนวพลเหนียวแน่นอยู่แล้ว (วันที่ผมไปดูก็เต็มโรง) แต่ก็ต้องไปลองชมการทดลองที่น่าสนใจและน่าจับตามองของผู้กำกับรุ่นใหม่ที่คอหนังแนว ๆ ชาวไทยไม่น่าจะพลาด

๒ ธันวาคม ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น