ฉันอยากทำระเบิดเป็น!
ฉันโตมากับเสียงระเบิด พ่อฉันบอกว่า แถวนี้มีคนวางระเบิดตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เป็นประจำ
ฉันได้ยินเสียงตูมตามแทบทุกวัน ฉันจำเสียงเหล่านั้นได้ มันเหมือนเสียงดอกไม้ไฟเวลามีงานเทศกาล ...ฟิ้ว! ตูม! แล้วดอกไม้ก็จะผลิบานชูช่อไสวบนท้องฟ้า ระเบิดเองก็คงเหมือนดอกไม้ไฟ คนถึงต้องวางไว้ตามสถานที่สำคัญ ๆ คงเพื่อเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง ไม่ต้องมีเสียง “ฟิ้ว” เพราะระเบิดไม่ต้องลอยไปไกลถึงฟากฟ้า แต่เมื่อ “ตูม” แล้ว ดอกไม้อันงดงามตระการตาก็คงจะปรากฏโฉมให้เห็นบนพื้นดิน
พ่อบอกว่าคนวางระเบิดเป็นคนไม่ดี ไม่จริงหรอก คนวางระเบิดก็เหมือนคนจุดดอกไม้ไฟ พวกเขาต่างก็ต้องการให้ทุกคนเห็นความงามหลังเสียงกัมปนาท แม้จะต้องบากบั่นสร้างดอกไม้ไฟหรือระเบิดหลายวันหลายเดือน จนอาจจะเป็นหลายปี เพียงเพื่อความงามเพียงเสี้ยววินาที
พ่อบอกให้ฉันเกลียดชังพวกวางระเบิด ฉันเกลียดพวกเขาไม่ลง เพราะเราทุกคนต่างก็มีเหตุผลและเป้าหมายของตนเองในการกระทำต่าง ๆ เสมอ อีกอย่างฉันจะเกลียดพวกเขาได้อย่างไร ในเมื่อทุกครั้งที่มีเสียง “ตูม” ในใจฉันจะเต็มไปด้วยภาพดอกไม้ขนาดใหญ่บานสะพรั่งบนพื้นดินเสมอ
.............................................................
ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา พร้อมกันนั้นฉันได้ยินเสียงกรีดร้องโกลาหล เสียงคนวิ่งอพยพกระจัดกระจาย หลังจากทุกอย่างสงบลง พ่อบอกว่ามีคนตายเพราะระเบิดนับร้อยคน พ่อแช่งด่าคนทำระเบิดด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา ฉันถามพ่อว่าระเบิดนั้นทำให้คนตายได้ด้วยหรือ เขาอาจจะตายด้วยเหตุผลอื่นในขณะที่ระเบิดกำลังฉายแสงแห่งความงาม พ่อส่ายหน้าและบอกฉันว่า ระเบิดนั้นคืออาวุธที่ใช้คร่าชีวิต ฉันไม่ถามอะไรพ่ออีก ฉันไม่ควรสงสัยอะไรเกี่ยวกับความตายหรือเหตุแห่งความตายเพราะความตายคือเรื่องธรรมดาสามัญของมนุษย์ ความสงสัยของฉันมีอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะตาย พวกเขาเห็นดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ผลิบานเพียงเสี้ยววินาทีหรือไม่
...............................................................
เธออยากทำระเบิดเป็นหรือ
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ
หน้าตาของเขาดูดุร้ายแต่เนื้อแท้คงเป็นคนใจดี ฉันรู้จักเขาเพียงไม่นานแต่ก็ไว้ใจเขาราวกับสนิทสนมกันมานานหลายปี เขาพาฉันไปรู้จักอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำระเบิด ฉันเรียนอย่างใคร่รู้และสนุกสนานอย่างที่สุด เขากำชับให้ระมัดระวังเพราะอาจจะเกิดระเบิดขึ้นมาได้ ฉันรู้ เขาคงไม่อยากให้ดอกไม้ผลิบานก่อนเวลาอันควร เพราะจะได้พบเห็นเพียงดอกเล็ก ๆ ไม่น่าประทับใจ
เมื่อเขาเห็นว่าฉันมีความรู้และความรักมากพอที่จะทำระเบิดได้แล้ว เขาก็ปล่อยให้ฉันสรรค์สร้างระเบิดตามจินตนาการเพียงลำพัง
ฉันประกอบนู่นนี่ตามที่เขาสอน ทำตามตำราเกือบทุกอย่าง ยกเว้นดินระเบิดที่ฉันอัดลงไปในระเบิดมากกว่าที่เขาสอนถึงสองเท่า เพราะฉันอยากให้ดอกไม้ของฉันเป็นดอกไม้ที่ใหญ่และสวยงามที่สุด
เมื่อถึงเวลาที่ดอกไม้ของฉันจะบาน ฉันตื่นเต้นที่สุด ฉันประคองระเบิดอย่างระมัดระวังไปที่สะพานของหมู่บ้าน อันที่จริงฉันอยากจะนำไปวางในสถานที่สำคัญกว่านี้ แต่ทุกที่ที่ฉันรู้จักก็ล้วนถูกวางระเบิดไปหมดแล้ว
ฉันจุดไฟ ก่อนจะถอยห่างออกมาเพื่อชื่นชมความงามของดอกไม้ เปลวไฟค่อย ๆ กินเส้นชนวนเข้าไปช้า ๆ หัวใจของฉันกลับเต้นเร็วแรงขึ้นทุกขณะ...
และเสี้ยววินาทีนั้น
ตูม!!
ดอกไม้ที่ใจฉันถวิลหามานานแสนนานปรากฏตรงหน้า
ฉันโอบกอดกลีบดอกไม้ด้วยความชื่นใจและอาลัยอาวรณ์ระคนกัน
...........................................................................
ฉันทำระเบิดเป็นแล้ว!
ฉันบอกถ้อยคำนี้กับพ่อซ้ำไปซ้ำมา พ่อได้แต่พยักหน้าอย่างแกน ๆ ทำหน้าเรียบเฉย จะยิ้มก็ไม่ใช่ ร้องไห้ก็ไม่เชิง ทุกวันพ่อได้แต่มองสะพานของหมู่บ้านสลับกับใบหน้าของฉันก่อนจะถอนหายใจ พ่อคงเสียดายที่ไม่ได้เห็นระเบิดของฉัน –ระเบิดที่เนรมิตดอกไม้ให้เบ่งบานบนสะพานแห่งนั้น ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าฉันจะทำระเบิดที่ดีกว่าเดิม พ่อจะได้เห็นดอกไม้ที่งดงามกว่าเดิม แต่ฉันคงต้องเรียนรู้อีกมาก โดยเฉพาะวิธีใช้เท้าทำระเบิด
เพราะมือทั้งสองข้างของฉันอันตรธานไปพร้อมกับดอกไม้แล้ว
ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร ฅ คน ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ (เวทีทางบ้าน)
น่าทึ่งในตัวเนื้อหามากเลย ความบริสุทธิ์ของเด็กที่มองระเบิดเป็นดอกไม้อันงดงาม มันสะท้อนสภาพสังคมที่เกิดขึ้นได้มาก ความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ ความไร้เดียงสา ต่อโลกอันโหดร้ายและลวงตา
ตอบลบแต่นั่นแหละ
ความจริง : ดอกไม้ไม่สามารถจะบานได้ท่ามกลางความรุนแรงในสังคม
ความฝัน (ความคิดของเด็กน้อย) : ดอกไม้ผลิบานได้ในเสียงระเบิด
ความจริงกับความฝัน เจอกันไม่ได้หรอก แม้เพียงครึ่งทาง
มือทั้งสองข้างที่เป็นดังสะพานเชื่อมความฝันสู่ความจริง
จึงต้องอันตรธานหายไป....
...Rabbit