วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

ฝอยฝนอนันต์

(1.)
"ฝอยฝนอนันต์อีกแล้ว..."
ผมจำได้เสมอ คำพูดติดปากของพิมเวลาที่ฝนตกติดต่อกันเกินสองวัน ช่วงเวลานั้นเธอมักทำรอยยิ้มหล่นหาย เหม่อมองนอกหน้าต่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉาบทาด้วยเฉดสีเศร้าหม่น บางครั้งเธอหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนแล้วขีดฆ่าข้อความซ้ำไปมา ราวกับไม่มีถ้อยคำใดจะทดแทนมวลความรู้สึกในขณะนั้นได้ บางคราวผมพยายามจะแกะสลักประติมากรรมใบหน้าสวยโศกนั้นเป็นบทเพลงสักเพลง แต่ไล่นิ้วได้สักพัก เส้นลวดหกสายในมือก็จะออกเสียงเป็นทำนอง Endless Rain ด้วยความเคยชินเสมอ

(2.)
"พวกเราแม่งป่วยว่ะพี่"
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พิมโพล่งออกมาท่ามกลางสายฝนในวันหนึ่งที่ท้องฟ้าเป็นสีเทา
"หมายความว่าไง"
"พวกนักเขียน กวี ศิลปินห่าเหวอะไรเนี่ยแม่งป่วยเป็นโรคจิตอ่อน ๆ แน่ แค่เห็นฝนตกก็เศร้าจนจะร้องไห้ตามได้"
ผมหัวเราะในลำคอ บรรเลงกีตาร์เป็นทำนองเพลงเศร้าเบาบาง
"เมื่อไรฝนจะหยุดตกนะพี่"
"เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าพายุเข้าวันนี้วันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้คงได้เห็นแดดบ้างล่ะ"
"ไม่ใช่ หนูหมายถึง...เมื่อไรเรื่องแบบนี้มันจะจบลงเสียที"

(3.)
วันนี้ละอองฝนโปรยปรายแต่เช้ามืด ผมงัวเงียขึ้นมาจากเตียง ไข้หวัดทุเลาลงแล้วเพราะยาแรงที่หมอจ่ายให้เมื่อวาน
"คุณช่วยไปส่งตาหนูทีนะ ฉันมีประชุมเช้า"
ประกาศิตจากคุณภรรยา นอกจากจะยึดรถคันใหม่ไปใช้แล้ว ยังส่งให้ผมกับเจ้าเด็กน้อยต้องมาแข่งกันบิดขี้เกียจในรถคันเก่าท่ามกลางรถหรูนับร้อยที่จอดแน่นิ่งบนถนนหน้าโรงเรียน ผมพยายามหมุนวิทยุหาเพลงฟัง ได้ยินแต่เสียงสัญญาณขาดหาย
"หนูไม่ชอบฝนเลยพ่อ...ฝนตกแล้วต้องนั่งในรถน๊านนาน เมื่อยอะ หนูอยากเจอเพื่อนเร็ว ๆ"
"ฮื่อ พ่อก็ไม่ชอบฝน"
"ทำไมคะ"
"บางครั้งเวลาฝนตกก็ทำให้พ่อเศร้า" ผมยิ้มให้ลูก
"ทำไมเศร้าล่ะค้าา" เจ้าลูกตัวแสบทำเสียงยานคาง "พ่อจะไม่ได้เจอเพื่อนเหรอ"
ยังไม่ทันได้ตอบ รถของผมถึงคิวจอดหน้าประตูโรงเรียน เจ้าเด็กน้อยร้องดีใจ เปิดประตูกระโดดโลดเต้นลงจากรถ แต่ก็ไม่ลืมจะหันมาสวัสดีผมก่อนวิ่งปร๋อเข้าโรงเรียน

(4.)
ฝนหยุดตกแล้ว แสงแดดเข้มขึ้นตามเวลา ผมเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังออฟฟิศ วันนี้คงสายตามเคย ลองหมุนวิทยุอีกครั้ง จู่ ๆ เพลง Endless Rain ก็ดังขึ้นมาห่มคลุมความเงียบในรถ
ชั่วขณะหนึ่ง ผมรู้สึกว่าฝอยฝนอนันต์ของใครบางคนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น