วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แชร์ประสบการณ์การใช้จักรยานโครงการปันปั่น (วันแรก)

1. สมาร์ทการ์ดและระบบล็อกรถใช้ง่ายดี แต่ยังมีสถานีที่ใช้ล็อกไม่ได้อยู่หลายที่ เฉพาะหน้าจุฬาฯ ก็สองสถานีแล้ว

2. จักรยานทรงแม่บ้าน เหมาะที่จะปั่นกินลมชมวิวแถวสวนกว้างๆ ทว่าจุดที่ให้บริการจักรยานอยู่ท่ามกลางจุดที่การจราจรวินาศสันตะโรที่สุดในประเทศอย่างสี่แยกราชประสงค์และสยาม การเอาจักรยานแม่บ้านไปปั่นในที่แบบนั้นก็เหมือนเข้าป่าทั้งชุดนอน คือมันก็พอไปได้ แต่จะเกะกะรถคันอื่นมาก เพราะจังหวะทีเด็ดทีขาดอย่างการหลบรถหลบคนหลบท่อระบายน้ำ หรือเร่งความเร็วฉับพลันตามคันข้างหน้าเพื่อให้ไม่เกะกะรถที่ตามหลังก็ยังทำได้ไม่ดีพอ (ถ้ามีจักรยานทรงเสือภูเขาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในโซนอันตรายนี้จะดีมากเลย) ต้องหวังเอาว่าคนขับรถยนต์บนถนนสายนี้จะใจกว้างพอที่จะให้พื้นที่คนขี่จักรยาน ไม่ซัดเข้าสักโครมเพราะหมั่นไส้ 55

3. ยังรู้สึกว่าจักรยานก๊องแก๊งๆ อยู่นะ สปรินท์แรงๆ นี่มีสั่นอย่างกะจะหลุดเหมือนกัน 55 แต่โดยรวมก็โอเคนะ

4. ในจังหวะหวาดเสียว จักรยานแม่บ้านหนีขึ้นฟุตบาทไม่ได้ (ทรงจักรยานไม่เหมาะแก่การโดดขึ้นฟุตบาท) แต่ก็ไม่จำเป็นหรอกเพราะประเทศกรุงเทพฯ ไม่มีฟุตบาท มีแต่พื้นที่สำหรับเช่าขายของ

5. ไม่มีไฟกระพริบท้ายจักรยาน! ไอเท็มนี้สำคัญมากนะสำหรับการขี่ในเมือง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน (แต่ไอ้ยี่ห้อที่สว่างจนตอนกลางวันยังเห็นนี่ก็แพงซะด้วยสิ)

6. ถ้ามีกระจกมองหลังด้วยจะดีมากเลย เผลอๆ สำคัญกว่าไฟกระพริบเสียอีก เพราะกฎการจอดรถในกรุงเทพฯ คือ กูจะจอดตรงไหนก็ได้ การมีรถจอดขวางเลนซ้ายสุดประจำทำให้เราต้องปั่นเข้าเลนกลางบ่อยๆ ทำให้ต้องเอี้ยวคอมามองข้างหลังบ่อยๆ จะด้วยความเป็นจักรยานแม่บ้านหรือเปล่าทำให้เรารู้สึกว่าเอี้ยวลำบาก บางทีมองไม่เห็น หรือตูคอสั้นเอง 555 ทำให้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ หยุดแล้วหันมามองจนแน่ใจค่อยเข้าเลนกลาง แต่หยุดบ่อยๆ มันก็น่ารำคาญล่ะนะ

7. น่าจะให้ยืมหมวกด้วย นี่ก็ไอเท็มสำคัญมากๆ ไม่เป็นไรพกมาเองก็ได้วะ 55

8. ถ้าจักรยานมีเบาะให้ซ้อนได้จะปั่นไปจีบสาว แต่ก็นะคงคิดว่าอันตรายเลยไม่ใส่มาให้มั้ง (อดเอาไปปั่นกะสาวที่สวนลุมฯ เลยอะ 555)

9. ขอให้กำลังใจผู้จัดทำโครงการครับ อย่าเพิ่งล้มเลิกเหมือนอีกหลายๆ โครงการของ กทม. นะครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น