:: พื้นที่รวบรวมงานเขียนเก็บเล็กผสมน้อยเป็นไทม์แมชชีนความรู้สึกของวันวาน ::
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ช่อการะเกด ลด 50%!!
ได้ยินข่าวว่าหนังสือช่อการะเกดรุ่น 3 ลดราคา 50% ก็ใจหาย ในที่สุดก็ถึงคิวลดราคาสะบั้นหั่นแหลกของสนามเรื่องสั้นในตำนาน นึกถึงหนังสือช่อการะเกดรุ่น 3 ราคาเต็มทุกเล่มของตัวเองที่บ้าน แถมยังถ่อไปซื้อถึงออฟฟิศ ฅ. คน สมัยอยู่ซอย 43/1 แทบทุกเล่มอีกต่างหาก สมดังที่ศิษย์เก่าช่อฯ ร่วมรุ่นคนหนึ่งแซวว่าเป็น "ศิษย์ช่อฯ ผู้รักสถาบัน"
การกลับมาและการมีอยู่ของช่อการะเกด ยุค 3 ทำให้ผม "มีไฟ" เขียนเรื่องสั้นอย่างเป็นบ้าเป็นหลังในช่วงหนึ่ง (แม้ว่าการ "เปิดซิง" ตีพิมพ์ครั้งแรกจะไม่ได้เริ่มที่ช่อการะเกดก็ตามที) ในทุก ๆ ไตรมาสก็จะมีงานส่งไปให้พี่สุชาติได้ผ่านตาอยู่เสมอ แล้วพอถึงแต่ละรอบไตรมาสก็จะคิดขึ้นมาว่า เอ... คราวนี้จะเขียนอะไรให้ชนะใจพี่สุชาติดีนะ คิดแค่นี้ก็ดูเหมือนว่าประดาพล็อตพิลึกๆ กลวิธีเล่าเรื่องแปลกๆ ฯลฯ พากันไหลมาเทมาให้ลองเขียนอย่างสนุกสนาน แม้ว่าแทบทุกไตรมาสจะลงเอยด้วย "ผ่านเลย" นาน ๆ ครั้งก็ "ผ่านรอ" ให้ชื่นใจเล่น แต่ก็ไม่เคยเข็ด ยังทำหน้ามึนขยันส่งไปให้แกอยู่เรื่อย ๆ
อาจจะเพราะเหตุนี้ พี่สุชาติจึงเกิดความเมตตากรุณาปนสงสารที่เห็นเด็กอ้วน ๆ คนหนึ่งส่งเรื่องสั้นมาแทบทุกไตรมาส จึงทำให้เล่มรองสุดท้ายคือเล่ม 54 ได้ผ่านเกิดสมใจ จำได้ว่าคอมเม้นต์เรื่องสั้นที่ได้ผ่านเกิด พี่สุชาติเขียนไว้ว่า "ขอให้ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบร้อนที่จะมีชิ้นงานในทุกฉบับ..." คงเพราะเค้าเห็นว่าไอ้อ้วนนี่ขยันส่งมาเหลือเกิน ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ขัดเกลาให้ถึงที่สุดก่อนค่อยส่งมาก็ได้นะ 555
ผลจากการมีอยู่ของช่อการะเกดตลอด 3 ปี นับแต่เล่ม 42 - 55 นอกจากจะทำให้ผมได้ฝึกฝีมือเขียนเรื่องสั้นโดยมีแรงผลักดันว่า "อยากชนะใจ บก. ในตำนานอย่างพี่สุชาติสักครั้ง" ยังทำให้มีเรื่องสั้นในมืออีกกลุ่มหนึ่งที่เอามาขัดเกลาใหม่และได้ผ่านเกิดในเวทีอื่น ๆ เช่นเรื่องสั้นแนวทดลองที่รวมเล่มส่งรางวัลยังไทยอาร์ตติส 2011 และแนวไม่ทดลอง (55) ที่รวมเล่มส่งในปี 2012 หรือกระทั่งเรื่องสั้น "การตามหาหนังสือนิยายฯ" ที่ได้รองชนะเลิศนายอินทร์ฯ ปีก่อน ก็เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่ตั้งใจว่าจะส่งเป็นลำดับถัดจากการได้ผ่านเกิด (แต่ขัดเกลาไม่ทันส่ง ช่อการะเกดปิดตัวไปซะก่อน)
ยอมรับว่าการจากไปของช่อการะเกดส่งผลสะเทือนต่อแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องสั้นของผมอยู่พอสมควร จากแสงไฟที่เคยทนฟ้าฝนเป็นตะเกียงเจ้าพายุ วันนี้เหลือแค่แสงเทียนเล่มเล็กๆ กลางสายฝนจวนจะดับมิดับแหล่ แม้ว่ายังเหลือนิตยสารอีกหลายหัวและงานประกวดอีกหลายงานให้ประลองฝีมือก็ตามที ที่สุดแล้วมันอาจเร้าใจน้อยกว่าการนึกถึงหน้า บก. เครางาม แล้วบอกกับตัวเองว่า ไหนลองเขียนอะไรใหม่ ๆ ไปชนะใจแกสักครั้งซิ แต่ก็คงพยายามเขียนต่อไป ลับฝีมือไว้ด้วยความหวังว่าอีกไม่นานคนรักวรรณกรรมสักคนหรือสักกลุ่มคงจะปลุกปั้นให้ช่อการะเกดกลับมาได้อีกครั้ง
สุดท้ายนี้อย่าลืมไปซื้อตำนานอีกบทหนึ่งของวงการเรื่องสั้นไทยมาเก็บสะสมไว้นะครับ โดยเฉพาะเล่ม 54 ที่กล่าวกันว่ามีนักเขียนหน้าตาดีได้ผ่านเกิดเปิดซิงช่อการะเกดเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในยุคที่ 3 อิอิ (โฆษณาแฝง)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น